Sunday, July 15, 2018

มะขามแขก สรรพคุณและประโยชน์ของมะขามแขก 16 ข้อ !



มะขามแขก สรรพคุณและประโยชน์ของมะขามแขก 16 ข้อ !

By MedThai 


มะขามแขก ชื่อสามัญ Alexandria senna, Alexandrian senna, Indian senna, Tinnevelly senna

มะขามแขก ชื่อวิทยาศาสตร์ Senna alexandrina Mill. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cassia angustifolia M.Vahl, Cassia angustifolia Vahl) จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)

ลักษณะของมะขามแขก

ต้นมะขามแขก จัดเป็นไม้พุ่ม มีความสูงของต้นประมาณ 0.5-1.5 เมตร เป็นพืชทนแร้ง ไม่ชอบที่น้ำท่วมขัง เพราะจะทำให้รากเน่า สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินที่ลักษณะร่อน มีความอุดมสมบูรณ์ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดและการใช้ต้นกล้า

ต้นมะขามแขก

ใบมะขามแขก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อยเป็นรูปวงรีและใบรูปหอก ใบแห้งมีสีเขียวอมน้ำตาล ขอบใบเรียบ ปลายและโคนใบแหลม โคนใบทั้งสองมีขนาดไม่สมมาตรกัน และมีขนนุ่มปกคลุมอยู่ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร ใบมีกลิ่นเหม็นเขียว มีรสเปรี้ยว หวานชุ่ม

ดอกมะขามแขก ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบตอนปลายกิ่ง กลีบดอกมีสีเหลือง

ผลมะขามแขก หรือ ฝักมะขามแขก ลักษณะของผลเป็นฝักแบน รูปขอบขนาน ฝักอ่อนมีสีเขียว

สมุนไพรมะขามแขก มีสรรพคุณที่โดดเด่นในเรื่องของการใช้เป็นยาถ่าย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีกำลังน้อย เด็ก คนที่เป็นริดสีดวง หรือผู้ที่มีปัญหาท้องผูกอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากมีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinones) ที่มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ให้ถ่ายท้องได้ โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้แก่ ส่วนของใบแห้งและฝักแห้งที่มีอายุในช่วง 1 เดือนครึ่ง (หรือช่วงก่อนออกดอก) แต่ควรใช้เป็นครั้งคราวเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย

สรรพคุณของมะขามแขก

1. ใบและฝักมะขามแขกใช้ปรุงเป็นยาถ่าย ยาระบายได้ดี และช่วยแก้อาการท้องผูกได้ โดยให้นำใบมะขามแขกประมาณ 2 หยิบมือ (ประมาณ 2 กรัม) หรือจะใช้ฝักประมาณ 10-15 ฝัก นำมาต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้วประมาณ 4 นาที และใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อช่วยกลบรสเฝื่อน แล้วใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว หรืออีกวิธีจะใช้วิธีการบดใบแห้งให้เป็นผง ใช้ชงกับน้ำดื่มก็ได้ สำหรับบางรายที่ดื่มแล้วเกิดอาการไซ้ท้อง หรืออาการปวดมวนท้อง (ใบจะออกฤทธิ์ไซ้ท้องมากกว่าฝัก) ให้แก้ไขด้วยการนำมาต้มรวมกับยาขับลมปริมาณเพียงเล็กน้อย เช่น กานพลู ขิง อบเชย กระวาน เพื่อช่วยบรรเทาอาการไซ้ท้องและเพื่อแต่งรสให้ดีขึ้น (ใบ, ฝัก)

2. ใบมะขามแขกช่วยทำให้อาเจียน (ใบ)

3. ช่วยถ่ายพิษไข้ (ใบ, ฝัก)

4. ช่วยถ่ายพิษเสมหะ (ใบ)

5. ช่วยแก้อาการสะอึก (ใบ)

6. ช่วยขับลมในลำไส้ (ใบ, ฝัก)

7. ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ (ใบ)

8. ช่วยถ่ายพิษอุจจาระเป็นมูก (ใบ)

9. ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ใบ, ฝัก)

10. ใบใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ (ใบ)

11. ช่วยถ่ายโรคบุรุษ (ใบ)

12. ช่วยถ่ายน้ำเหลือง (ใบ)

13. ช่วยลดอาการบวมน้ำ (ใบ)

14. มีรายงานว่าได้มีการใช้มะขามแขกในคนไข้หลังผ่าตัดคว้านต่อมลูกหมาก และพบว่ามะขามแขกช่วยทำให้ถ่ายอุจจาระที่มีลักษณะอันพึงประสงค์ได้ดีกว่าการใช้ Milk Of Magnesia (MOM) นอกจากนี้แคลเซียมเซนโนไซต์ ยังช่วยทำให้ผู้ป่วยสูงอายุหลังการผ่าตัดสามารถขับถ่ายอุจจาระได้คล่องยิ่งขึ้น

15. ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของมะขามแขก ช่วยในการขับถ่ายอุจจาระ ต่อต้านการก่อกลายพันธุ์ และต้านเชื้อแบคทีเรีย

ประโยชน์ของมะขามแขก

ปัจจุบันมีการนำมะขามแขกมาแปรรูปเป็นสินค้าอย่างหลากหลาย เช่น มะขามแขกแคปซูล ยาชงสมุนไพรมะขามแขก เป็นต้น

ข้อควรรระวังเกี่ยวกับมะขามแขก

สำหรับหญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร หรือในหญิงมีประจำเดือน ห้ามรับประทานมะขามแขก แต่สำหรับหญิงให้นมบุตร แม้ว่าสารแอนทราควิโนน (Anthraquinones) จะสามารถผ่านออกมากับน้ำนมได้เมื่อใช้ในขนาดปกติ แต่ว่าความเข้มข้นของสารดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อทารกที่รับน้ำนมแต่อย่างใด จึงสามารถใช้มะขามแขกเป็นยาระบายได้ (แต่ไม่แนะนำให้ใช้) (Reynolds, 1989; Baldwin, 1963)

ห้ามใช้สมุนไพรมะขามแขกในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี

มะขามแขกมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ จึงไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเกร็งในช่องท้อง ไส้ติ่งอักเสบ โรคลำไส้ใหญ่ส่วนล่างอักเสบ ลำไส้อุดตัน หรือมีอาการปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ (Reynolds, 1989)

ผลข้างเคียงมะขามแขก สำหรับบางรายอาจมีอาการไซ้ท้องหรืออาการปวดมวนได้ท้องได้

การใช้มะขามแขกเป็นยาระบาย ให้กินในช่วงก่อนนอน โดยยาจะออกฤทธิ์ประมาณ 8-10 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน โดยตัวยาจะทำให้อุจจาระมีมวลมากขึ้น ทำให้อุจจาระมีลักษณะนิ่ม ขับถ่ายได้สะดวก

เมื่อใช้ในการรักษาอาการท้องผูก ควรใช้เป็นครั้งคราว หรือใช้ยาเท่าที่จำเป็น และใช้รักษาในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ใช้ติดต่อกันเกินกว่า 2 สัปดาห์ เพราะถ้าใช้ติดต่อกันนานอาจจะทำให้ลำไส้ชินกับยา ส่งผลให้ต้องใช้ยาตลอดจึงจะขับถ่ายได้ ทางที่ดีหากคุณมีอาการท้องผูก แนะนำว่าควรใช้ยาสมุนไพรมะขามแขกเท่าที่จำเป็น และหันมารับประทานผักหรืออาหารที่มีกากใยอย่างจริงจัง ออกกำลังกายเป็นประจำ ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ขับถ่ายให้เป็นเวลา

การใช้สมุนไพรมะขามแขกติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดพิษต่อตับได้ (Malmquist, 1980) และอาจทำให้อิเล็กโทรไลต์ในเลือดต่ำได้ ทำให้ร่างกายสูญเสียธาตุโพแทสเซียม ทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรดหรือด่าง การดูดซึมผิดปกติ ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีความดันโลหิตต่ำในผู้สูงอายุ และอาจทำลายเซลล์ประสาทในลำไส้ได้

การใช้มะขามแขกในทางที่ผิด อาจทำให้ปริมาณของแกมมา-โกลบูลินในเลือดต่ำลง และทำให้นิ้วมือนิ้วเท้ามีลักษณะใหญ่และหนา (Finger clubbing)

การใช้มะขามแขกอาจทำให้กระดูกบริเวณข้อมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติได้ (Hypertrophic Osteoarthropathy)

การใช้สมุนไพรมะขามแขกเป็นยาระบายหรือแก้อาการท้องผูก หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะก็จะไม่มีอันตราย แต่หากใช้กินวันละหลาย ๆ รอบ หรือใช้ในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะทำให้เสียน้ำจากการขับถ่ายมาก ทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง รู้สึกไม่มีแรง และอาจถึงขั้นช็อกจนเสียชีวิตได้

ไม่ควรใช้มะขามแขกร่วมกับยาต้านฮีสตามีนซึ่งเป็นยาแก้แพ้ เพราะอาจจะทำให้ฤทธิ์การเป็นยาระบายลดน้อยลง (Erspamer and Paolini, 1946)

หากจำเป็นต้องใช้มะขามแขกติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ คุณควรรับประทานอาหารเสริมที่มีโพแทสเซียมสูง ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดธาตุโพแทสเซียม (Ploss, 1975; Levine et al., 1981)

มะขามแขกไม่ควรใช้เป็นยาลดความอ้วน เนื่องจากมันมีฤทธิ์แค่ช่วยในการขับถ่าย เนื่องจากสิ่งที่ถูกจับออกนั้นจะเป็นกากอาหารและน้ำในร่างกาย ส่วนไขมันก็ยังอยู่ในตัวเราเหมือนเดิม ไม่ได้ถูกขับออกไปพร้อมของเสีย

แหล่งอ้างอิง : ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร (มหาวิทยาลัยมหิดล), หนังสือสมุนไพรกับวัฒนธรรมไทยตอนที่ 2 ไม้ริมรั้ว (เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ), กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, คู่มือประชาชนในการดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทย (กันทิมา สิทธิธัญกิจ, พรทิพย์ เติมวิเศษ)

ภาพประกอบ : www.thaicrudedrug.com (by Sudarat Homhual), www.arkive.org, เว็บไซต์ sankhlamehandi.com, www.flickr.com (by firebird39)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)


---------------------------------------------------------------

ราคาพิเศษ 133 บาท จากราคาเต็ม 450 บาท
สั่งซื้อ!!!
Dakota Detox ดาโกต้า ดีท็อกซ์ สมุนไพรรีดไขมัน 60 เม็ด
คุณสมบัติ
ใครมีปัญหาแบบนี้ อ้วนไม่เยอะ แต่รูปร่างไม่ได้สัดส่วน ดูกลม ดูตัน กินไม่เยอะแต่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด แขน ขาใหญ่ ลงพุง
นั่งทำงานทั้งวันไม่ได้ลุกไปไหน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ขับถ่ายยาก ระบบขับถ่ายไม่ปกติ นานๆๆถ่ายครั้ง หรืออ้วนหลังคลอด คลอดนานแล้วยังไม่เลิกอ้วน อยากลดอ้วน แต่ไม่อยากเสี่ยง กลัวโยโย่ กลัวผลข้างเคียง
Dakota Detox ดาโกต้า ดีท็อกซ์ สมุนไพรรีดไขมัน ช่วยคุณได้ !!!!
  • ลดความอ้วน ลดไขมัน พุงยุบ เอวเล็ก แขนขากระชับ
  • ช่วยจัดระบบขับถ่าย แก้ท้องผูก แน่นท้อง
  • ช่วยให้มวลกร้ามเนื้อกระชับ สัดส่วนเล็กลง
  • ช่วยดีท๊อกล้างสารพิษ ขับของเสียในร่างกาย ล้างลำไส้
  • หลังดีท๊อก ช่วยระบบภายในสะอาด ดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
  • ไม่เสี่ยงปลอดภัยธรรมชาติแท้ 100% มีอย.รับรอง
  • ไม่เสี่ยงโยโย่ ไม่มีอาการข้างเคียง เช่น ใจสั่ง คอแห้ง
  • สัดส่วนกระชับ เฟิร์ม ตึง ไม่เหี่ยว ไม่หย่อน ไม่คล้อย
  • กระบวนการผลิตปลอดภัย ภายใต้โรงงานมีGMP

ส่วนผสมหลัก
  • ใบมะขามแขก
  • ใบมะกา
  • ตีผลา
  • ดอกคำฝอย
  • ใบส้มป่อย

วิธีการรัปทาน : รับประทานก่อนนอนวันละ 1 ครั้ง
ธาตุเบา : ทาน 2 เม็ด
ธาตุหนัก : ทาน 4 เม็ด
บรรจุ 60 เม็ด (ทานได้20-30วัน)

เลขที่ อย. 11-1-11054-1-0348

ประโยชน์ของใบตอง...ในวิถีชีวิตของคนไทยในทุกหนแห่ง!!!




ประโยชน์ของใบตอง
  ของใบกล้วยสด กับพืชอาหารสัตว์อื่นๆจะเห็นว่า ใบกล้วยสดมีระดับโปรตีนใกล้เคียงกับหญ้าขนสด (ใบกล้วยมีโปรตีนคิดจากนน้ำหนักแห้ง 12 เปอร์เซ็นต์ หญ้าขนมีโปรตีน 10 เปอร์เซ็นต์ โดยประมาณ) ส่วนใบของกล้วยไม่รวมก้านใบมี โปรตีนใกล้เคียงกับพืชตระกูลถั่ว ใบสดของต้นกล้วยจึงเป็นผลพลอยได้ที่น่าจะนำมาใช้เป็นอาหารหยาบสำหรับเลี้ยง โค-กระบือ ร่วมกับฟางข้าว และหญ้าแห้ง จะทำให้โค-กระบือกินอาหารมากขึ้น การนำใบกล้วยหั่นเป็นฝอยตากแห้งแล้ว นำมาผสมอาหารข้นเลี้ยงสุกร หรือสัตว์ปีก อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าจะลดต้นทุนการผลิตได้ เนื่องจากใบกล้วยมีเยื่อใยสูงไม่มากนัก สัตว์กระเพาะเดี่ยวสามารถใช้ประโยชน์ได้มากพอสมควร ข้อน่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือ ใบกล้วยมีระดับ ไขมันค่อนข้างสูง น่าจะใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับสัตว์ได้ค่อนข้างดีแหล่งหนึ่ง ประโยชน์อีกอย่างของใบกล้วยหรือใบตองก็คือ
ใบตองสด 5 กก (ใบกล้วยน้ำหว้า) สั่งซื้อ!!!
ราคาพิเศษ 225 บาท จากราคา 300 บาท
ใบกล้วย ใบกล้วยสด มีสีเขียวเข้ม มีวัตถุแห้งประมาณ 28 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำมากถึง 72 เปอร์เซ็นต์ มีสารอาหารที่สำคัญ เช่น โปรตีนคิดจากน้ำหนักแห้งประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ มีเยื่อใยประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบคุณค่าทางอาหาร
            ใบตอง...ในวิถีชีวิตของคนไทยในทุกหนแห่ง  ได้นำใบตองมาใช้ประโยชน์ได้มากมายทั้งในชีวิตประจำวัน  ในพิธีกรรมต่างๆ การบวงสรวงต่าง เช่นทำบายศรี กระทง  กรวย  มาลัย ห่อขนม ห่ออาหาร   ที่รองอาหาร  หรือวางขนม  ทำเป็นภาชนะใส่อาหาร  ปลาตะเพียน  ใบตองแห้งนำมาเป็นที่มวนบุหรี่  สานเป็นที่ใส่ของ  กระเป๋า   

Friday, July 06, 2018

การปลูกผม นวัตกรรมเภสัชสมัยใหม่ ด้วยสมุนไพรแท้ Organic100%!!!






ถูกที่สุดในประเทศไทย!!! ราคาพิเศษ 468 บาท 
จาก 660 บาท สั่งซื้อ!!!

 Neo Hair Lotion นีโอแฮร์โลชั่น สเปรย์ปลูกผมและบำรุงรากผม neo hair

  • นีโอแฮร์ โลชั่น สเปรย์ปลูกผม และ บำรุงรากผมปลูกผม ปลูกคิ้ว ปลูกหนวดแก้ผมบาง สร้างผมใหม่ ปลอดภัย100% ส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ
  • ++Neo Hair Lotion++
  • ++ ปลูกผมขึ้นจริง เห็นผลอย่างรวดเร็ว
  • ++ แก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านอย่างได้ผล
  • ++ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
  • ++ ช่วยช่อมแซม เส้นผม และรากผม
  • ++ บำรุงเส้นผม รากผม ช่วยให้ผมนุ่มสลวย เงางาม
  • ++ ปลอดภัย ไม่มีสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย

VDO รีวิว การใช้โดยคุณวิโรจน์


  • ราคาขวดละ 468 บาท (ราคาปกติ 660 บาท) สั่งซื้อได้เลย เพียงคลิ๊ก!!!
  • บริการส่งถึงมือลูกค้าฟรี! ผ่าน Kerry Express
  • มีบริการชำระเงินปลายทาง ส่งสินค้าวันจันทร์ถึงเสาร์ 14.00 น. พร้อมเก็บเงินปลายทาง (ยกเว้นวันอาทิตย์ และวันหยุดพิเศษต่างๆ)

-----------------------------------------------------------------




++รายละเอียดสินค้า++

+++ บรรจุขวดละ ่120 ซีซี (ใช้ได้ประมาณ 1 เดือน)+++ ของแท้100% จาก บริษัทกรีนเวลท์ เฮลท์ แคร์ จำกัด+++ ไม่ใช่ของลดล้างสต็อค เป็นของใหม่ล่าสุด+++ สินค้าผลิตปี 2018 ทุกขวด
+++ หมายเลขจดแจ้ง อย. เลขที่ 73-1-5700066
+++ ผ่านมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice)
+++ Shop SKU :223107496_TH-340428172


------------------------------------------



++สรรพคุณ Neo Hair Lotion++


นีโอแฮร์ โลชั่น สเปรย์ปลูกผม และบำรุงรากผม ป้องกันผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน จากหลายสาเหตุ รวมถึงจากพันธุกรรม โดยใช้หลักการกระตุ้นเซลล์ ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม ลดการเกิดรังแค ช่วยให้เส้นผม รากผม และหนังศีรษะแข็งแรงขึ้น

++ส่วนผสมของ นีโอแฮร์ โลชั่น สกัดมาจาก
สมุนไพรธรรมชาติหลากหลายชนิด เช่น
สารสกัดจากโสมขาว, สารสกัดจากปาล์มใบเลื่อย,สารสกัดจากแคนตาลูป, แฮร์ทรีทเมนท์แว็กซ จากมะพร้าวและน้ำผึ้งป่า ซึ่งต่างมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบนหนังศีรษะ ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง ช่วยฟื้นฟู และสร้างเซลผมใหม่ ลดความมันของหนังศีรษะ ลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้อย่างสูงสุด

++นีโอแฮร์ โลชั่น ใช้ได้ผลทั้งชาย และหญิง
เจ้าแรกในประเทศไทยที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ในราคาย่อมเยาว์สมเหตุสมผล ได้รับการยอมรับในคุณภาพจากผู้ใช้ทั้งใน และต่างประเทศ และมีผู้ใช้ นีโอแฮร์ เพิ่มขึ้น
อย่างต่อเนื่อง

----------------------------------------------


ภาพจากผู้ใช้จริง!!!
++Neo Hair Lotion++
++ ปลูกผมขึ้นจริง เห็นผลอย่างรวดเร็ว
++ แก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านอย่างได้ผล
++ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
++ ช่วยช่อมแซม เส้นผม และรากผม
++ บำรุงเส้นผม รากผม ช่วยให้ผมนุ่มสลวย เงางาม
++ ปลอดภัย ไม่มีสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย

----------------------------------------------

++ขั้นตอนการใช้ Neo Hair Lotion++

1. นวดกระตุ้นหนังศีรษะ ด้วยนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง
ทั้งสองมือ ประมาณ 6-7 ครั้ง เพื่อกระตุ้นให้บริเวณ
หนังศีรษะตื่นตัว

2. ฉีดสเปรย์ นีโอแฮร์ โลชั่น ให้ทั่วบริเวณ และนวดศีรษะอีกครั้ง ปล่อยให้แห้งธรรมชาติ ไม่ต้องล้างน้ำออก
3. เพื่อให้เห็นผลอย่างรวดเร็ว และชัดเจน ควรใช้
อย่างสม่ำเสมอ
4. ควรใช้นีโอแฮร์อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 2-3 ขวดขึ้นไป
5. ควรเปลี่ยนใช้แชมพูที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะและรากผม สั่งซื้อแชมพูเด็กราคาถูก!
ุ6. ควรงดทำสี หรือ ย้อมผม เพราะสารเคมีจากยาย้อมผม มีฤทธิ์ต่อต้านการทำงานของนีโอแฮร์ โลชั่น

----------------------------------------------


VDO ของ พล.ต.ต.นายแพทย์ไพบูลย์ มะระพฤกษ์วรรณ ให้ความรู้ปัญหาผมร่วง


----------------------------------------------


ถูกที่สุดในประเทศไทย!!! ราคาพิเศษ 468 บาท 
จาก 660 บาท สั่งซื้อ!!!

++ผลลัพท์ที่ได้ อาจแตกต่างกัน++

โดยปกติหลังจากใช้นีโอแฮร์ไปแล้วประมาณ 2-3 ขวด
ผมใหม่จะเริ่มงอกขึ้นมาให้ได้เห็น รากผมใหม่จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และเส้นผมใหม่จะสุขภาพที่แข็งแรงกว่าผมเดิม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน
เช่น การตอบสนองต่อตัวยาของแต่ละบุคคล, วินัยความสม่ำเสมอ และต่อเนื่องในการใช้งาน, รวมถึงการใช้งานอย่างถูกวิธีด้วย

มาดูภาพรีวิวส่วนหนึ่งของผู้ใช้ซึ่งมีอีกมากมาย จึงรับรองคุณภาพ ถือเป็นโชคดีของคนไทยโดยแท้

11 ลักษณะ บุคลิกภาพที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ

บุคลิกภาพที่ดีมีความสำคัญมากสามารถก่อให้เกิดความสำเร็จได้ในทุกๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นในการทำงานในอาชีพต่างๆ การใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนหนังสือ การศึกษาหาความรู้ เรียกได้ว่าใช้กับทุกเรื่อง เราจึงควรมาสร้างบุคลิกภาพที่ดี บุคลิกภาพที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ ให้กับตนเองกันดีกว่า  ซึ่งก็มีอยู่หลายประการดังจะได้กล่าวต่อไปดังนี้ 


1.หน้าตา ยิ้มแย้มแจ่มใส

ใครเห็นก็บอกว่าอัธยาศัยดี น่าคบหาสมาคมด้วย ตรงกันข้ามฝีหน้าออกมาแบบบุญบอกไม่รับ  ก็จบกันตั้งแต่แรกเห็นแล้ว ถ้าทำงานเป็นพนักงานต้อนรับก็ไม่มีใครอยากเดินผ่านเข้ามาให้บริการ  ทำงานด้านนี้ไม่ก้าวหน้าอย่างแน่  ถ้าเป็นผู้บริหารก็เรียกว่าเชาว์อารมณ์ค่อนข้างแย่ ทำให้เสียบุคลิกภาพ  ลูกน้องเห็นก็ไม่อยากเข้าใกล้ พาลไม่ให้ความร่วมมือในการทำงาน ดังนั้นเพื่อธุรกิจที่ก้าวไกล สิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องมีก็คือใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา เพราะอย่างไรก็คงไม่มีใครอยากใช้บริการหรือทำงานร่วมกับคนที่เอาแต่เคร่งเครียดและใช้อารมณ์อยู่ตลอดเวลาหรอกจริงไหม

 2.การแต่งกาย


นี่ทำสิ่งที่จะปรากฏให้ผู้อื่นเห็นตั้งแต่แรกพบ  ที่จะทำให้ผู้อื่นประทับใจอย่างมากได้  ถ้าแต่งกายอย่างดี ถูกกาลเทศะ มีความสะอาดเรียบร้อย ดูดีไปหมด เรียกว่าเนี้ยบเลนทีเดียว  ถ้าไปสมัครงาน  เราแต่งกายไม่เรียบร้อย  คนที่จะสัมภาษณ์งานเราจะตำหนิในใจว่ามาสมัครยังไม่เคารพสถานที่เลย  ถ้ารับเข้ามาทำงานแล้วคงไปกันใหญ่  บริษัทนั้นไม่รับแน่นอน  ถ้าแต่งกายเรียบร้อยดีก็จะมีโอกาสมากกว่า เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหางานทำ หรือทำงานเป็นพนักงานต้อนรับ พนักงานบริษัท ผู้บริหารอยู่แล้ว ก็ควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย อย่าลืมว่าการแต่งกายที่เรียบร้อยจะทำให้
คุณมีชัยไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว

 3.ความรู้

เป็นสิ่งที่ทำให้เราดูดี ช่วยเสริมในเรื่องบุคลิกอย่างต่อเนื่อง  เมื่อผู้ที่ได้เข้ามาพูดคุยกับเรา  ก็มีความรู้สึกว่าคุยกับคนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นที่น่าเสื่อมใส ทำงานอาชีพใดก็จะมีความก้าวหน้าเพราะมีความรู้ความสามารถมากกว่าผู้อื่น  และความรู้จะทำให้เรามีความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ใส่ใจไฝ่หาความรู้ นอกจากนี้การมีความรู้ ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอีกด้วย เพราะผู้ที่มีความรู้ จะสามารถบริหารจัดการงานได้ดีกว่าผู้ที่ขาดความรู้นั่นเอง

4.การสื่อสารพูดคุย

เป็นการสัมผัสบุคลิกภาพในความมีมารยาทสำหรับการสนทนาในสถานการณ์ต่างๆ ที่การพูดคุยให้เป็นไปด้วยดี  ทั้งระดับน้ำเสียง พูดมีสาระ พูดแบบเป็นกันเอง หรือการพูดคุยล้อเล่น ก็ตามสถานการณ์ที่แตกต่างการ ไม่ใช่จะพูดอย่างเดียวโดยไม่ให้จังหวะผู้อื่นพูดบ้าง และเราเป็นคนฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้าง

5.ความมั่นใจในตนเอง

จะทำให้มีบุคลิกที่เป็นผู้นำได้ดีกว่าผู้ที่ไม่มีความมั่นใจในตนเอง  ความมั่นใจส่งผลให้มีความสำเร็จในด้านต่างๆ    ความมั่นใจทำให้บุคลิกภาพของเราดูนำเกรงข่าม ดูเป็นคนน่าเชื่อถือ  และยังสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายมากขึ้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมเติมความมั่นใจให้กับตนเอง เพื่อการก้าวหน้าสู่ความสำเร็จในหน้าที่การงานกันด้วย

 6.มองโลกในแง่ดี คิดแต่ด้านบวก

เป็นบุคลิกที่ผู้อื่นชื่นชอบ อยากเข้ามาปรึกษา เพราะจะได้รับคำตอบที่เป็นในแง่บวกอยู่ตลอด สามารถนำความคิดแก้ปัญหาได้ดี ถ้าเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย  คิดแต่ด้านลบ จะทำอะไรก็จะไม่มีความสำเร็จ เพราะในจิตใจมีแต่คิดด้านลบ

7.อ่อนน้อมถ่อมตน

 เป็นบุคลิกที่สังคมไทยส่วนใหญ่ให้การยอมรับ  ยิ่งถ้าเป็นผู้น้อยด้วยแล้วต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้หลักผู้ใหญ่  ผลก็คือจะได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ เป็นผลให้ได้รับความอุปการะ และผู้ใหญ่จะให้ความช่วยเหลือเมื่อเราเดือดร้อน

8.มีศีลธรรม

 นำความเหลื่อมใสศรัทธามาสู่ผู้ที่มีศีลธรรมประจำใจ  ผู้ใดที่ได้เข้ามาสัมผัสกับเราจะมีความไว้อกไว้ใจ  เพราะศีลธรรม บ่งบอกถึงว่าเราเป็นผู้มีธรรมะเป็นที่ตั้ง น่านับถือ

9.สุขภาพ

 การมีสุขภาพร่างกายที่ดี  จะเป็นพื้นฐาน  สามารถทำอะไรในการดำรงชีวิตอย่างมั่นใจ ส่งผลให้จิตใจแจ่มใส  ทำให้มีบุคลิกภาพที่ดูดี  ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

10.การพักผ่อน  

จะทำให้ร่างกายของเราดูไม่เหน็ดเหนื่อย  ไม่เคร่งเครียดถ้าพักผ่อนพอเพียงจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง  ทำให้ร่างกายแข็งแรง  ทำหน้าที่การงานได้ต่อไป เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่ทำงานจนลืมที่จะพักผ่อนกันด้วยล่ะ ยิ่งพักผ่อนอย่างเพียงพอมากเท่าไหร่ คุณก็จะมีโอกาสในการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากเท่านั้น

 11.ครอบครัว

 แบ่งเวลาให้ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจละเลย  เพราะครอบครัวมีส่วนช่วยเสริมในเรื่องบุคลิกภาพในด้านจิตวิทยาอย่างมาก  ครอบครัวเหมือนเป็นทุกอย่าง ทั้งกำลังใจเมื่อหมดหวัง  เป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุด  ช่วยแก้ปัญหาที่คนอื่นไม่รู้  ครอบครัวจึงเป็นพลังสำคัญต่อชีวิต  และบุคลิกภาพของเรา

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคือสิ่งสำคัญในการสร้างบุคลิกภาพของท่านให้ดูดี  ส่งผลให้ประสบความสำเร็จในทุกๆเรื่อง  ท่านควรปฏิบัติตามที่กล่าวมาให้ได้ทุกข้อ หรือทำให้ได้มากที่สุด  เพื่อความสำเร็จของตัวท่านเอง  และเป็นการไม่อย่างเลยที่ท่านจะปฏิบัติตาม  เพราะผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคนส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามที่กล่าวมาไว้อย่างครบถ้วน
















ถูกที่สุดในประเทศไทย!!! ราคาพิเศษ 468 บาท 
จาก 660 บาท สั่งซื้อ!!!

http://2travel4.blogspot.com/2018/07/organic100.html

Thursday, July 05, 2018

28 สรรพคุณ ผักเชียงดาคือ ผักปราบเบาหวาน ราชินีฆ่าน้ำตาล!!!!




ผักเชียงดา

ผักเชียงดา ชื่อวิทยาศาสตร์ Gymnema inodorum (Lour.) Decne. จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยนมตำเลีย (ASCLEPIADOIDEAE หรือ ASCLEPIADACEAE)[1],[4]
ผักเชียงดา มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เชียงดา, เจียงดา, ผักเจียงดา, ผักเซียงดา, ผักกูด, ผักจินดา, ผักเซ่งดา, ผักม้วนไก่, ผักเซ็ง, ผักว้น, ผักฮ่อนไก่, ผักอีฮ่วน, เครือจันปา เป็นต้น[3],[4],[6],[7],[10]

ลักษณะของผักเชียงดา

  • ต้นผักเชียงดา จัดเป็นไม้เถาเลื้อย มีอายุข้ามปี ความยาวของเถาขึ้นอยู่กับอายุ ลำต้นเป็นสีเขียว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5-5 เซนติเมตร ทุกส่วนที่อยู่เหนือดินของต้นจะมีน้ำยางสีขาวคล้ายน้ำนม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการปักชำ เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำดี เป็นผักพื้นบ้านที่ชาวเหนือในแถบจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน และพะเยา นิยมปลูกไว้หน้าบ้านเพื่อนำยอดไปประกอบอาหาร[1],[2],[3] ส่วนในต่างประเทศพบได้ที่ประเทศอินเดีย ศรีลังกา เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น จีน และแอฟริกา[6]

สรรพคุณของผักเชียงดา

  1. ผักเชียงดามีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ โรคต้อกระจกในผู้สูงอายุ ช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง และการเสียของ DNA ข้ออักเสบรูมาตอยด์และเกาต์[2]
  2. ผักเชียงดามีสารออกฤทธิ์ที่ช่วยควบคุมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ[2] และชาวบ้านยังนิยมกินผักเชียงดาหน้าร้อน เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกายอีกด้วย[6]
  3. หมอยาพื้นบ้านในจังหวัดจะใช้ผักเชียงดาเป็นยาบำรุงกำลัง แก้อาการปวดเมื่อยอันเนื่องมาจากการทำงาน[7]
  4. ช่วยทำให้เจริญอาหาร[4]
  5. ช่วยชำระล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย[8]
  1. ใช้รักษาเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ปรับระดับอินซูลินในร่างกายให้สมดุล ช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้ตับอ่อน ด้วยการนำผักเชียงดามาปรุงเป็นอาหารรับประทาน[1],[4],[8] จากการศึกษาพบว่า การรับประทานผงผักเชียงดาก่อนอาหารประมาณวันละ 8-12 กรัม (แบ่งการรับประทานเป็น 3 มื้อ มื้อละ 4 กรัม) จะสามารถควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ป่วยเบาหวานให้เป็นปกติได้ หรือจะรับประทานเป็นผักสดอย่างน้อยวันละประมาณ 50-100 กรัม หรือ 1 ขีด ก็สามารถช่วยป้องกันและบำบัดโรคเบาหวานได้เช่นกัน[5]
  2. ช่วยควบคุมและปรับระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ[8]
  3. ช่วยลดและควบคุมปริมาณไขมันในร่างกายให้สมดุล[8]
  4. ผักเชียงดาสามารถนำไปใช้ลดน้ำหนักได้ เพราะผักชนิดนี้สามารถช่วยให้มีการนำน้ำตาลไปเผาผลาญมากกว่าการนำไปสร้างเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และมีรายงานว่า ผักเชียงดาสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง[10]
  5. ผักเชียงดามีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา แก้ตาฝ้าฟาง มีอาการเคืองตา เนื่องจากผักชนิดนี้มีวิตามินสูง[1]
  6. ช่วยแก้หูชั้นกลางอักเสบ (ต้น)[9]
  7. ใบนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกบริเวณกระหม่อมเพื่อรักษาไข้ อาการหวัด ปรุงเป็นยาลดไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ หรือนำไปประกอบในตำรายาแก้ไข้อื่น ๆ[2],[4]
  8. ผลมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ (ผล)[4]
  9. ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้และหอบหืด[8]
  10. ต้นสรรพคุณเป็นยาแก้หลอดลมอักเสบ แก้ไอ แก้ปอดอักเสบ (ต้น)[9]
  11. ช่วยแก้โรคบิด (ต้น)[9]
  12. การรับประทานผักเชียงดาใบแก่ จะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และชาวบ้านยังนิยมนำมาแกงรวมกับผักตำลึงและยอดชะอมเพื่อใช้รักษาอาการท้องผูกอีกด้วย[2],[6]
  13. ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ต้น)[9]
  14. ต้นแห้งหรือต้นสดใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ต้น)[9]
  15. ช่วยขับระดูของสตรี[4]
  16. ช่วยฟื้นฟูตับอ่อนให้แข็งแรง ช่วยบำรุงและปรับสภาพการทำงานของตับอ่อนให้เป็นปกติ[8]
  17. ช่วยบำรุงและซ่อมแซมหมวกไต และระบบการทำงานของไตให้สมบูรณ์[8]
  18. ช่วยแก้อาการบวมน้ำ (ต้น)[9]
  19. ใบใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนังทุกชนิด ทำให้น้ำเหลืองแห้ง และแก้กามโรค[9]
  20. ใบสดใช้ตำพอกฝีหรือหัวลำมะลอก งูสวัด เริม ถอนพิษ แก้ปวดแสบปวดร้อน[4]
  21. หัวมีรสมันขม มีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษอักเสบ พิษร้อน ช่วยดับพิษกาฬ แก้พิษไข้เซื่องซึม และแก้เริม (หัว)[4]
  22. ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อจากโรคเกาต์[8]
  23. ในบ้านเรามีการใช้ผักเชียงดาเป็นทั้งยาสมุนไพรและเป็นอาหารเพื่อรักษาโรคโดยกลุ่มหมอเมืองทางภาคเหนือมานานแล้ว กล่าวคือ การใช้เป็น “ยาแก้หลวง” (คล้ายยาครอบจักรวาลของแผนปัจจุบัน) ถ้าคิดไม่ออกก็บอกผักเชียงดา เช่น แก้เบาหวาน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ตัวร้อน แก้ไข้สันนิบาต (ชักกระตุก) แก้หวัด ภูมิแพ้ หอบหืด แก้แพ้ยา แพ้อาหาร ปวดข้อ เป็นยาระบาย ช่วยระงับประสาท หรือเมื่อมีอาการคิดมากหรือจิตฟั่นเฟือน ฯลฯ ส่วนการนำมาใช้เป็นยาก็ให้นำผักเชียงดามาสับแล้วนำไปตากแห้งบดเป็นผง ใช้ชงเป็นชาดื่ม หรือจะนำมาบรรจุลงในแคปซูลก็ได้[5]
หมายเหตุ : การนำมาใช้เป็นยาในหน้าแล้ง ให้ใช้รากมาทำยา ส่วนในหน้าฝนให้ใช้ส่วนของเถาและใบ โดยนำมาสับตากแห้งแล้วบดให้เป็นผง ใช้ชงเป็นชาดื่ม[6]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของผักเชียงดา

  • สารสำคัญ ได้แก่ สาร Vioflavonoid สารในกลุ่ม Carotenoid (ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก) มี Flavonoid, คาเทชิน, โปรแอนโทไซนานิดิน (Proanthocyanidin), มีสารต้านอนุมูลอิสระ คือ Curcumin, Furmeric, เบต้าแคโรทีน, และมีวิตามินซีมากกว่าแคร์รอต[1]
  • จากการศึกษาผลของผักเชียงดาในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดี พบว่า การดื่มชาผักเชียงดาภายใน 15 นาทีหลังจากได้รับสารละลายกลูโคส จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่ไม่ได้ดื่มชาผักเชียงดา ส่วนฤทธิ์การลดระดับน้ำตาลในเลือดนั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณของผักเชียงดาด้วย และเมื่อให้อาสาสมัครดื่มชาเป็นระยะเวลา 28 วัน ก็ไม่พบว่ามีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่พบการเปลี่ยนแปลงของการทำงานของตับ แต่การให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 12 ราย ดื่มชาผักเชียงดาหลังอาหารวันละ 3 มื้อเพิ่มเติมจากยาเบาหวานที่ได้รับ เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ พบว่า ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ตลอดจนไม่กระทบต่อการทำงานของตับและไต และไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงแต่อย่างใด แต่การศึกษานี้ยังมีข้อจำกัดคือจำนวนของผู้ป่วยและระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาที่มีค่อนข้างน้อย จึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมและประเมินผลต่อไป[7]
  • ผักเชียงดามี Gymnemic acid (สกัดมาจากส่วนรากและใบของผักเชียงดา) โดยสารชนิดนี้มีลักษณะโครงสร้างเหมือนน้ำตาลกลูโคส จึงเข้าไปจับกับตัวรับที่ลำไส้แทนโมเลกุลของกลูโคส และช่วยสกัดกั้นสารน้ำตาลตัวจริงที่เข้ามาสู่ร่างกายได้ และยังสามารถช่วยควบคุมสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานทั้งชนิดที่พึ่งอินซูลินและชนิดไม่พึ่งอินซูลิน โดยมีรายงานว่า มีผู้ป่วย “บางราย” สามารถรับประทานผักเชียงดาเพียงอย่างเดียวเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่ต้องพึ่งยาแผนปัจจุบัน เนื่องจากผักชนิดนี้มีฤทธิ์ฟื้นฟูเบต้าเซลล์ของตับอ่อน ที่เป็นอวัยวะช่วยสร้างอินซูลินให้อยู่ในระดับปกติ[5]
  • จากการทดลองกับสุนัข กระต่าย และหนูที่ทำให้เป็นเบาหวาน พบว่ามีปริมาณอินซูลินเพิ่มขึ้นเมื่อตรวจดูตับอ่อน และยังพบว่า มีปริมาณของเบต้าเซลล์เพิ่มขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าผักเชียงดาสามารถช่วยซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้ตับอ่อนได้[1] ส่วนการศึกษาในมหาวิทยาลัยมัทราส ประเทศอินเดีย ได้ศึกษาผลของผักเชียงดาในหนูทดลองที่ให้สารพิษที่ทำลายเซลล์เบต้าในตับอ่อนของหนู โดยพบว่า หนูที่ได้รับผักเชียงดาทั้งในรูปของสารสกัดและผงแห้ง มีระดับน้ำตาลในเลือดกลับมาเป็นปกติภายใน 20-60 วัน ระดับอินซูลินกลับมาเป็นปกติ และจำนวนของเบต้าเซลล์ก็เพิ่มขึ้นด้วย[6]
  • มีการวิจัยในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานที่ใช้อินซูลิน 27 ราย โดยให้กินสารสกัดที่ทำให้บริสุทธิ์ขึ้น 400 มิลลิกรัมต่อวัน พบว่าปริมาณความต้องการอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานลดลง และในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ได้ใช้อินซูลิน 22 ราย เมื่อให้สารสกัด 400 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 18-20 เดือน ร่วมกับยารักษาเบาหวาน พบว่าปริมาณการใช้ยารักษาเบาหวานลดลง โดยมีผู้ป่วยจำนวน 5 ราย ใน 22 ราย ที่สามารถหยุดให้ยาเบาหวานโดยใช้แต่สารสกัด Gymnema เพียงอย่างเดียว[1]
  • มีรายงานการทดลองใช้ต้น Gymnema sylvestre ซึ่งเป็นพืชในสกุลเดียวกันกับผักเชียงดาที่มีขึ้นอยู่ในประเทศอินเดีย โดยบริษัทในประเทศญี่ปุ่นได้ผลิตพืชชนิดนี้ออกขายในรูปของยาชงเพื่อรักษาโรคเบาหวาน แต่จากรายงานการทดลองทั้งในคนและสัตว์ ได้แสดงให้เห็นว่า สมุนไพรชนิดนี้สามารถช่วยสร้างและซ่อมแซมเบต้าเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์อินซูลิน[1]
  • เมื่อปี พ.ศ.2546 นักวิทยาศาสตร์ได้รายงานถึงผลของสารสกัดผักเชียงดาในหนูทดลอง ซึ่งนอกจากจะมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยเพิ่มปริมาณของอินซูลินแล้ว ยังช่วยลดปริมาณของอนุมูลอิสระในกระแสเลือดของหนูทดลองที่เป็นหวานได้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณของสารกลูต้าไธโอน วิตามินซี และวิตามินอี ในกระแสเลือดของหนูได้อีกด้วย และยังพบว่า สารสกัดดังกล่าวนั้นมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่ายาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาเบาหวานที่มีชื่อว่า “ไกลเบนคลาไมด์” (glibenclamide)[10]

ประโยชน์ของผักเชียงดา

  1. จากการศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลองของผักพื้นบ้านจำนวน 43 ชนิด ที่บริโภคกันในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ผักเชียงดามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุด และยังเป็นผักที่มีวิตามินอีสูงที่สุดอีกด้วย[7]
  2. ยอดผักเชียงดาสดจะมีรสมัน หากนำมาต้มให้สุกจะมีรสหอมหวาน ชาวบ้านทางภาคเหนือจึงนิยมปลูกผักเชียงดาไว้ตามริมรั้ว โดยนิยมนำใบอ่อนและยอดอ่อน มารับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก ลาบ ส้มตำ หรือนำมาทำแกง แกงส้ม แกงแค แกงเขียว แกงโฮะ แกงขนุน แกงเลียงกับปลาแห้ง หรือใส่ในต้มเลือดหมู แกงใส่ผักหวาน แกงรวมกับผักชะอม ผักกูด ผักเฮือด ฯลฯ หรือนำมาผัดน้ำมันหอย ทำผัดผักเชียงดา ผัดร่วมกับมะเขือ ฯลฯ แต่โดยปกติแล้วจะไม่ผัดผักเชียงดาล้วน ๆ เพราะจะมีรสขม (ผักเชียงดาในหน้าแล้งจะอร่อยกว่าในหน้าฝน เพราะผักเชียงดาในหน้าฝนจะมีรสเฝื่อน ไม่ค่อยอร่อย)[1],[3],[4],[5]
  3. คุณค่าทางโภชนาการของผักเชียงดา 100 กรัม ประกอบไปด้วย พลังงาน 60 แคลอรี, ความชื้น 82.9%, โปรตีน 5.4 กรัม, ไขมัน 1.5 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 6.2 กรัม, ใยอาหาร 2.5 กรัม, เถ้า 1.6 กรัม, วิตามินเอ 5,905 หน่วยสากล, วิตามินบี 1 981 มิลลิกรัม, วิตามินบี 2 0.32 มิลลิกรัม, วิตามินบี 3 1 มิลลิกรัม, วิตามินซี 153 มิลลิกรัม, แคลเซียม 78 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 2.3 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 98 มิลลิกรัม[3]
  4. ในปัจจุบันเริ่มมีเกษตรกรรวบรวมผักเชียงดามาปลูกในแปลงปลูกขนาดใหญ่ เพื่อเก็บยอดไว้ขายในเชิงการค้าแล้ว[1]
  5. ในปัจจุบันบริษัทยาของประเทศญี่ปุ่นได้ผลิตพืชชนิดนี้เป็นชาชงสมุนไพร หรือในรูปแบบแคปซูลหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อรักษาเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยยับยั้งการดูดซึมของกลูโคส[2] ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แคปซูลผักเชียงดาจะมีวางจำหน่ายในร้านผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วไป โดยในรูปแบบผงแห้งจะมีการควบคุมมาตรฐานของ gynemic acid ต้องมีไม่ต่ำกว่า 25% คือใน 1 แคปซูลส่วนใหญ่แล้วจะมีผงยาเชียงดาอยู่ประมาณ 500 มิลลิกรัม[10]....ข้อมูล http://worldhealthyhope.blogspot.com/2018/07/28.html
ราคาพิเศษเพียง 300 บาท
สั่งซื้อ!!!

เครื่องดื่มสมุนไพรผสมชนิดแห้ง เชียงดา ตรีผลา
(เชียงดา มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก เจียวกู้หลาน ใบเตยหอม ลูกใต้ใบ)
ขนาด 60 กรัม 30 ซอง
  • เหมาะสำหรับช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
  • เหมาะสำหรับช่วยควบคุณน้ำหนัก ช่วยลดน้ำหนักและมวลไขมันออกจากร่างกาย
  • เหมาะสำหรับช่วยปรับธาตุในร่างกายให้สมดุล กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด


  • เหมาะสำหรับช่วยขับสารพิษที่ตับ ล้างสารพิษ ไขมันเกาะตับ ลำไส้

วิธีรับประทาน: ใส่ชา 1 ซองลงในแก้ว เติมน้ำร้อน150-200 มิลลิลิตร ตั้งทิ้งไว้ให้ชาละลายประมาณ 2 นาที  ใช้ช้อนนวดซองเบาๆ ช่วยให้สมุนไพรละลายในน้ำร้อนออกมาได้ง่ายขึ้น และเพิ่มรสชาติ หวาน หอม ร้อน ฝาด ขม กลมกล่อมครบรส ควรดื่มเมื่อท้องว่างหรือก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที


เลขที่ อย. 50-2-13158-2-0007