Sunday, February 14, 2010

ปรียานุช ปานประดับ

อ่านแล้วได้ยิ้มกับบุญของเรา
ด้วยความปรารถนาดีจาก Bio Deen Spray เพิ่ม Growth Hormone
โรคต่างๆ ที่ว่า ทำให้เธอเจ็บปวดแสนสาหัส หนักที่สุดคือถึงขั้นพิการ เดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นอยู่เป็นปี ๆ
แถมยังอยู่ในภาวะใกล้ตาย เพราะการปวดของเนื้อเยื่อทำให้ระบบหายใจไม่ได้ เกือบจะหัวใจวายเฉียบพลันอยู่หลายหน
โชคดีที่ได้คนรอบข้าง นพพล โกมารชุน ครอบครัว และเพื่อน ๆ ช่วยอยู่เคียงข้าง และปาฏิหาริย์ ของสมุนไพรไทย
ทำให้เธอกลับมาเดินได้อีกครั้ง
โรคแต่ละโรคที่คุณปรียานุชเป็น นั่นมันโรคทรมานทั้งนั้น...อย่างที่บอกค่ะ..ว่ากลับมาดูตอนแรกไม่ทัน.. แต่ดูรายชื่อโรคแล้วพอจะรู้ค่ะว่าทรมานอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นหอบหืด...ไมเกรน..อันนี้รู้ซึ้งเลยค่ะว่าปวดอย่างไร
เพราะเป็นมาก่อน ปวดประจำเดือน..ผู้หญิงหลาย ๆ คนคงทราบนะคะว่าเป็นอย่างไร
แต่คุณปรียานุชเธอมีประจำเดือน 15 วัน..ต่อเดือน !!!!

พิธีกรชายพูดว่า "นั่นมันเวลาครึ่งหนึ่งของชีวิตทีเดียว"
ใช่ 1 เดือนมี 30 วัน ปวดประจำเดือนซะ 15 วัน.. แล้วก็พบว่าเป็นเนื้องอกในมดลูก..
ประจำเดือนของคุณปรียานุชมาเยอะมากกกกก แต่เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกมาก ๆ ด้วยค่ะ

มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอกำลังคุยเรื่องบทกับคุณกัปตัน ภูธเนศ แล้วประจำเดือนของเธอก็ไหลไม่หยุดมันเยอะมาก
จนเลอะเก้าอี้ที่นั่งแล้ว เธอไม่กล้าบอกคุณกัปตัน แต่เธอตลกมากค่ะ.. เธอบอกว่า เธอไม่อายหรอกนะคะ
แต่กลัวน้องกัปตันที่เป็นผู้ชายจะอาย เธอก็เลยขอตัวสักครู่ โดยเดินออกไปและยกเก้าอี้ตัวนั้นปิดก้นไปด้วย
ทุกคนจะหัวเราะเธอว่าเธอทำอะไร... และตลอดทั้งรายการเธอมักจะพูดในทำนองว่า
เธอจะไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาที่เธอไม่ป่วยไม่มีความสุขเด็ดขาด
คุณปรียานุชเธอผ่านการทานยาจากราคาถูกที่สุดจนแพงที่สุด เพื่อระงับอาการปวด จนกระทั่งรับการฉีดมอร์ฟีน..
ฉีดจนคุณหมอต้องขอให้หยุด เพราะจะเกิดอาการติดมอร์ฟีนแล้ว.. เวลาเธอปวดเธอจะพยายามจับหน้าผากไม่ให้ย่นด้วย..
เนื่องจากเธอกลัวแก่..เธอเล่าไป..หัวเราะไป..น่ารักมากเลยค่ะ..
และสุดท้ายเธอก็ตัดสินใจผ่าตัดเอามดลูกที่มีเนื้องอกออก.. ผลจากการผ่าตัดทำให้ร่างกายเธอเปลี่ยนแปลงมากมาย
ฮอร์โมนที่เคยมีก็ไม่มีเธอบอกว่า...ผู้หญิงเราพอไม่มีฮอร์โมนก็จะแก่ลงเร็วมากกกก...ตาเหี่ยวย่นทันที
หน้าก็บวมแปลก ๆ ผิวจะแห้งมากกกก...และเธอจะหิวน้ำตลอดเวลา ปกติคนเรากินน้ำประมาณ 2 ลิตรต่อวัน
แต่คุณปรียานุชจะกินประมาณ 4-5 ลิตร ต่อวัน..นั่นส่งผลให้เธอฉี่บ่อย..และอ่อนเพลีย หัวใจเต้นรัวเร็ว

เธอไปพบแพทย์อีกครั้ง... คุณหมอต้องกักตัวเธอไว้ และให้เธอหยุดทานน้ำเช่นนั้น เพราะไตจะวาย..เนื่องจาก
ไตทำงานหนักเกินไป ทำให้หัวใจเต้นเร็วด้วย.. เธอเล่าติดตลกว่า วิธีการรักษาของคุณหมอน่ารักมาก..
เธอต้องรักษาด้วยการก?นน้ำแข็งแทนน้ำค่ะ.. เธอบอกว่าเหมือนเธอกลับไปเป็นเด็กเลย..ต้องอมน้ำแข็งตลอดเวลา
ใครพกอะไรติดตัวไม่รู้ แต่ปรียานุชพกกระติกที่มีน้ำแข็งติดตัว..

ส่วนโรคเนื้องอกที่หน้าอก อืม..ถ้าจำไม่ผิดจะเกิดก่อนที่จะผ่าตัดมดลูกนะคะ..เธอเล่าว่าเป็นเรื่องที่ตลกมาก
(
อีกแล้ว ผู้หญิงคนนี้มองโลกในแง่ดีจริง ๆ) เธอไปเที่ยวเชียงตุง กับเพื่อน ๆ โดยนั่งรถขึ้นเขาซึ่งเส้นทางจะทรหดมาก
เธอกางสองมือเกาะรถและโยกไปตามจังหวะขึ้นลงรถของรถอย่างสนุกสนาน ในขณะที่คนอื่นบอกว่าจะอ้วกแตกแล้ว..
หลังจากเที่ยวในครั้งนั้น เธอพบว่า หน้าอกของเธอใหญ่ขึ้น.. แต่ใหญ่ขึ้นแบบแปลก ๆ เป็นก้อนเท่าลูกมะนาวทีเดียว..
เธอไปตรวจที่โรงพยาบาล..และคุณหมอก็แจ้งว่าต้องผ่าตัดด่วนเลย เพราะเนื้องอกมีขนาดใหญ่มาก เธอบอกว่า
จริง ๆ เธอมีเนื้องอกอยู่แล้ว แต่มีขนาดเล็ก โดยที่เธอไม่รู้ตัว พอเธอออกกำลังแขนมากเกินไป..
จึงทำให้เนื้องอกขยายใหญ่ขึ้นมา

ดูสิ..ทำไมเธอมีอารมณ์ขันได้มากมายเหลือเกิน
อีกโรคที่เธอต้องเผชิญ เป็นโรคที่ 100,000 คนจะเป็น 1 คน นั่นคือโรค แคลเซียมในร่างกายไหลไปอุดตามข้อต่อ..
เธอพบโรคนี้ที่ข้อมือข้างขวา...ข้อมือเธอจะบวมมากจนไม่สามารถบิดลูกบิดได้ เธอต้องรับการผ่าตัดอีกครั้ง..
โรคนี้ทำให้เธอจิตตกอยู่นาน... 2 ชั่วโมง.. จริง ๆ ค่ะ 2 ชั่วโมง..คุณปรียานุชเธอบอกว่า เธอมานั่งมองตัวเองว่า
ทำไมชีวิตอับเฉาเช่นนี้...เพราะโรคนี้น่ากลัวนะคะ.. เราจะไม่รู้เลยว่า..ต่อไปแคลเซียมจะไหลไปอุดตันที่ข้อต่อไหนอีก
คุณปรียานุชเธอวิตกว่าถ้าไหลไปข้อต่อบริเวณต้นคอ หรือกระดูกสันหลัง จะลำบากมากกกกก...
แต่เธอก็ทำใจได้..และมีความสุขกับชีวิตของเธอ..
หลังการผ่าตัดเธอบอกว่า มือของเธอไม่มีความรู้สึกเลย ความขี้เล่นและร่ำรวยอารมณ์ขันของเธอ
เธอก็จะยกเอามือข้างขวาขึ้นมาและโยกซ้ายขวา แล้วบอกว่า "มือผี มือผี"...เธอบอกว่าเธอเล่นแบบนั้นเยอะมาก
ใครมาเยี่ยมเธอก็เล่น "มือผี มือผี" ไปเรื่อย จนมืออักเสบไปทั้งแขน ปกติหลังการผ่าตัด เธอต้องพักฟื้นประมาณ 1 เดือน
แต่จากการเล่นมือผี เธอต้องพักฟื้น 6 เดือน !!!! แถมยังต้องกายภาพบำบัดอาทิตย์ละ 3 วัน อีกด้วย
เพราะแขนเธอตึงมากกก ไม่สามารถงอหรือเคลื่อนไหวได้เลย..
ช่วงที่เธอใช้งานมือขวาไม่ได้ แต่เธอก็ยังคงทำงานอยู่..เธอบอกว่าเธอเป็นคนไม่ยอมแพ้ ..เมื่อใช้มือขวาไม่ได้
เธอก็ใช้มือซ้ายเขียนหนังสือแทน.. และเธอก็เล่าว่า การใช้ชีวิตโดยมีมือแค่ข้างเดียวเป็นอะไรที่ลำบากมาก...
ใส่กางเกงเองก็ไม่ได้..ต้องให้คุณตู่ นพพล ช่วยใส่ เธอเล่าได้น่ารักอีกแล้วว่า เหมือนเธอกลายเป็นเด็ก
ที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ ทุกเช้า คุณตู่ นพพลจะมาช่วยเธอใส่กางเกง..

เธอบอกว่าสิ่งที่เธอเป็นทำให้เธอเข้าใจคนพิการได้อย่างดีทีเดียว เพราะ นอกจากจะทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว
การขอให้คนรอบข้างช่วยเหลือ ก็ทำให้รู้สึกเกรงใจมากกก
มาถึงโรคเข่าเสื่อมแบบฉับพลัน...โรคนี้เธอเล่าว่า เมื่อครั้งที่คุณตู่ นพพล ไส้ติ่งอักเสบต้องเข้าโรงพยาบาล
เธอพาคุณนพพลไปโรงพยาบาล ก่อนเข้าห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่ที่เข็นเตียง ได้ยกมือไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์
คงจะขอให้การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คุณปรียานุชเห็นดังนั้น เธอก็เลยพนมมือขอต่อสิ่งศักดิ์เช่นกัน..เธอขอว่า
"
ขอให้ความเจ็บปวดทั้งหมดที่พี่ตู่ประสบ มาเกิดแก่ลูกแทนเถิด"

เธอบอกว่าที่เธอขอแบบนั้น เพราะคุณตู่ นพพลไม่เคยเจ็บป่วยเช่นเธอ แต่เธอป่วยมาเยอะ
เธอคิดว่าเธอสามารถทนความเจ็บปวดเหล่านั้นได้
(
คุณปรียานุช คุณเป็นผู้หญิงที่น่ารักจริง ๆ ...บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยค่ะ ว่า "หลงรักผู้หญิงคนนี้แล้ว")
พอผ่าตัดเสร็จ คุณนพพล พักฟื้นอยู่ที่ห้องชั้น 8 และชั้น 4 เป็นชั้นขายอาหาร คุณปรียานุช เธอใช้การเดินขึ้นลงบันได
แทนการใช้ลิฟต์ค่ะ เพราะคิดว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว เธอไม่ได้เดิน หรือ วิ่งมากกว่าปกติเลยนะคะ..
แต่จู่ ๆ เธอก็ปวดเข่า..แล้วเธอก็ต้องตรวจร่างกาย ผลจากการเอ็กซเรย์เข่า...คุณหมอบอกว่า
"
คุณปรียานุช คุณต้องพักและห้ามเดินโดยเด็ดขาด เพราะเส้นเอ็นของคุณกำลังจะขาดแล้ว !!!!"

คุณหมอเอาฟิล์มเอ็กซเรย์เข่าของคนปกติ กับฟิล์มของคุณปรียานุชมาเปรียบเทียบให้ดู แล้วบอกว่า
คุณปรียานุชต้องผ่าตัดใส่เข่าเทียมด่วน...
จำไม่ได้แน่ชัดค่ะว่าได้ผ่าตัดหรือเปล่า และผลจากการผ่าตัดเป็นเช่นไร..แต่ผลจากโรคนี้..
ทำให้คุณปรียานุชเดินได้ไม่เกิน 50 ก้าว !!!!! ค่ะ 50 ก้าว และต้องพักซักระยะ ถึงจะเดินต่อได้อีก...

เธอเล่าว่า จากการที่เธอเป็นโรคนี้เธอจะรู้รายละเอียดของสถานที่ต่าง ๆ เยอะมาก..เธอต้องรู้ว่า
ห้างฯ นี้มีรถเข็นหรือเปล่า...มีเก้าอี้นั่งพักหรือเปล่า...มีบันไดกี่ขั้น..หรือ เมื่อลงจากรถแล้วต้องเดินจากรถไปกี่ก้าว
จะถึงร้านอาหาร ... เธอต้องนับก้าวทุกครั้ง..ขอบอกค่ะว่า คุณนพพล น่ารักมาก...เพราะคุณนพพลจะช่วยกันนับก้าวเดินกับ
คุณปรียานุชไปด้วย..เธอบอกว่าสนุกดี.."เอ้าก้าวซ้าย 1 ก้าวขวา 2" ..ช่วยกันนับแบบนี้ 2 คน..(เป็นคู่ที่น่ารักมากกกกกกกกก)

พิธีกรสอบถามว่า เธอผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาโดยใช้หลักการคิดอย่างไร คุณปรียานุช บอกว่า เธอถามคุณหมอว่า
เธอจะหายป่วยไหม? คุณหมอบอกว่าหาย เมื่อเธอรู้ว่าเธอจะหายป่วย เธอก็ไม่คิดอะไรแล้ว..ไม่ต้องคิดว่าจะหายเมื่อไร ...
แค่รู้ว่าเธอต้องหาย และเธอก็เชื่อเช่นนั้น แค่นั้นเอง...(ช่วงนี้ดูแล้ว ตบมือให้เธอเลยค่ะ..)
เธอบอกอีกว่า..เธอจะนับลมหายใจในตอนที่ก้าวแต่ละครั้ง นั่นทำให้เธอรู้ว่า ทุกลมหายใจมีความหมาย
ทุกลมหายใจเธอจะต้องมีความสุข เธอบอกว่าเวลาเห็นคนไม่เจ็บป่วยอะไร เธอจะรู้สึกว่า คนเหล่านั้นเป็นคนมีบุญ...
และเธอก็จะรู้สึกดีไปด้วยที่เขาไม่เจ็บป่วย..ดังนั้นเธอจะไม่ยอมอับเฉานาน ๆ
เรื่องราวความเจ็บป่วยในชีวิตของเธอยังไม่จบแค่นั้นค่ะ เธอยังเผชิญโรคข้ออีกด้วย เธอจะปวดตามข้อ..
ทุกเช้าที่เธอตื่น เธอจะใช้มือยันเตียงเพื่อลุกขึ้นไม่ได้...เพราะนิ้วมือของเธอจะงอ ไม่สามารถเยียดตรงได้..

เธอเล่าว่า โรคข้อเป็นโรคที่ทรมานที่สุด ปวดไมเกรน ปวดท้อง จะปวดเป็นจุด ๆ ไป แต่ปวดข้อจะปวดทุกข้อในร่างกาย..
ตรงไหนที่เป็นข้อต่อเธอจะปวดหมดทุกจุด....และซ้ำร้าย เธอยังเป็นโรคเนื้อเยื่ออักเสบทั่วตัวอีกด้วย..ปวดไปทั้งร่างกาย...
เธอต้องกินยาแก้อักเสบ และถ้าโดนอะไรนิดหน่อยก็จะเจ็บปวดมาก..เดินมากก็ไม่ได้..นั่งนาน ๆ ก็ไม่ได้
ต้องยืดเข่าตลอดเวลา..และมันยังทำให้เธอเป็นโรคกระดูกบาง กระดูกเปราะง่าย..ครั้งหนึ่งเธอทำกายภาพบำบัดเข่า...
ปรากฎว่ากระดูกที่ขาเธอหักเลยค่ะ.. (ฟังมาถึงตรงนี้...รู้สึกเสียว ๆ ตามข้อเลยค่ะ)
ช่วงต่อไปนี้จำรายละเอียดไม่ได้แน่ชัดนะคะ..ต้องขออภัยด้วยค่ะ..แต่จากการที่เธอเป็นโรคมากมายทำให้เธอเขียนพินัยกรรมและสั่งเสียอะไรตั้งมากมาย..ขอหยิบยกมาจาก web site รายการเจาะใจอีกครั้งนะคะ..

ตอนที่เป็นหนัก ๆ ก็คิดว่าตายก็ดี คือไม่ได้กลัวตายนะ อยากตาย ถ้าเกิดการตายมันมีความสุข คือมีคนบอกหรือค่ะว่าตายแล้วเป็นทุกข์ คนตายเคยมาบอกหรือค่ะ (หัวเราะ) นุชคิดว่าคนตายต้องมีความสุข อาจจะกลัวความเจ็บปวดจากการใกล้ตายมากกว่า แต่เพราะนุชปวดทรมานมาจนทุกข์ขนานแล้ว ก็เตรียมตัวตาย มีการทำพินัยกรรม ก็สั่งเสียต่าง ๆ พี่ตู่ควรทำอย่างไร สั่งเสียจนพี่ตู่เขาเบื่อว่าเมื่อไหร่จะตายซะที(หัวเราะ) คือเรารู้สึกอยู่แล้วว่าเราใกล้แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทุกข์นะคะ เพราะนุชรู้สึกว่าลมหายใจ แต่ละลมหายใจมันสำคัญ ในระหว่างที่มีลมหายใจจะมีความ ทุกข์ นุชจะไม่ยอม ไม่ทำอย่างนั้น เคยไปเยี่ยมคนป่วยแล้วเขายิ้ม ก็เข้าใจว่า อ๋อ เราก็คงเป็นอย่างนั้นเนอะ มันคงเป็นยิ้มสุดท้าย ถ้าอีกสองวันเราก็จะตาย แล้วเราจะไม่ยิ้มเหรอ

ขอข้ามไปเล่าถึงตอนที่เธอพบปาฏิหาริย์ พลิกชีวิตของเธอจากที่ต้องรอความตาย..ก็หายจากโรคที่เผชิญอยู่อย่างช้า ๆ
ครั้งหนึ่งเธอต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง ก็มีผู้คนมากมายมาทักทายเธอ มีอยู่คนหนึ่งบอกกล่าว
ให้เธอลองทานสมุนไพรไทยดู..คุณปรียานุชเธอบอกว่า เธอจะลองทานดู..เพราะเธอทานสมุนไพรจีนมามากมายแล้ว
ฝังเข็มก็แล้ว..ลองทานสมุนไพรไทยดูบ้างก็ไม่เสียหายอะไร...
เธอใช้เวลาในการทานยาและปรับวิถีการกินอยู่ของเธอร่วม 8 เดือน อาการของเธอก็ดีขึ้น..และจากการรักษาในครั้งนี้
ทำให้อาการติดยานอนหลับร่วม 20 ปี ของเธอหายไปด้วย..เพราะการรักษาด้วยสมุนไพรห้ามกินยาอื่น ๆ ร่วม...

เธอเล่าว่า ทุกครั้งที่เห็นใครนอนหลับง่ายจะเธอบอกว่า คนนี้มีบุญ...ถึงแม้เขาไม่ได้อาบน้ำก่อนนอนก็ตาม..
แต่เธอซิ เธออาบน้ำ เธอนอนบนที่นอนดี ๆ ..แต่เธอก็นอนไม่หลับ..ตอนนี้เธอนอนหลับโดยไม่ต้องพึ่งยาแล้ว
เธอมีความสุขมากกกกก... เธอบอกว่า คนทุกคนมีบุญ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองมีบุญอะไร..
ลองมาคิดกันดูนะคะ..ว่าตัวเราเองมีบุญอะไรบ้าง..
แล้วมีความสุขกับชีวิตเหมือนผู้หญิงคนนี้ "ปรียานุช ปานประดับ"

ด้วยความปรารถนาดีจาก Bio Deen Spray เพิ่ม Growth Hormone

Thursday, February 04, 2010

ผู้หญิงควรรู้ - จัดการอย่างไรดีอาการ PMS และ PMDD

จัดการอย่างไรดีอาการ PMS

เป็น ผู้หญิงควรเรียนรู้สิ่งต่างๆเกี่ยวกับตัวเองโดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและเรื่อง เกี่ยวกับผู้หญิง ศึกษาไว้และจะได้นำไปบอกให้แฟนหนุ่มรับรู้ถึงเหตุผลต่างๆและสิ่งที่ผู้หญิง เป็น บางเรื่องผู้ชายไม่เข้าใจก็จะหงุดหงิดโวยวาย แต่ถ้าเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นนะจ๊ะ

จัดการอย่างไรดีกับอาการ "PMS" = Premenstrual Syndrome หรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน

"อาการ เต้านมคัด ท้องอืด ปวดท้องน้อย เป็นตะคริว ร้องไห้แบบควบคุมไม่ได้ ถ้าคุณเคยมีอาการ PMS พวกนี้ คุณคงรู้ดีว่าฝันร้าย ประจำเดือนมีอยู่จริง แต่มีหลายวิธีที่รักษาได้ผล (นอกจากการกินเนยถั่วปั่นหนึ่งแก้ว) ทำตามคู่มือพิชิตแต่ละอาการต่อไปนี้ คุณจะได้เลิกทรมานทุกเดือนซะที

ผู้หญิง ที่โวยวายนานกว่า 15 นาทีเรื่องที่แฟนตัวเองถอดถุงเท้าไว้บนพื้นเกิดจากสาเหตุอะไร? ถ้าคุณตอบว่าเพราะเธอมีอาการ PMS แสดงว่าคุณคุ้นเคยกับอาการนี้มากกว่าที่นึก แม้จะมีการคุยกันเป็นเรื่องตลกกับอาการ PMS แต่ผู้หญิงหลายล้านคนที่ทรมานกับอาการนี้ทั้งกายและใจทุกเดือนไม่รู้สึกตลก ไปด้วยแน่

อาการของ PMS
ถ้า ใครเคยมีอาการเข้าข่ายแบบนี้ก่อนสัก 2 อาทิตย์หลังไข่ตก จะหายไปหลังจากประจำเดือนจะมาสัก 2-3 วัน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นพร้อมกัน 2-3 อาการก็ได้ ลองดูสิว่าคุณมีอาการใดบ้าง

อาการทางด้านอารมณ์:
หงุดหงิด ซึมเศร้า ความคิดสับสน ตัดสินใจไม่ค่อยได้ อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หนักมากๆจะรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย

อาการทางร่างกาย:
อยากกินอาหารมากขึ้น คลื่นไส้ กระหายน้ำ ท้องอืด เจ็บคัดเต้านม บวมน้ำ ปวดหลัง เมื่อยตัว อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

กลุ่ม อาการ PMS อาจทำให้ผู้หญิงหลายคนมีปัญหาสุขภาพอื่นๆง่ายขึ้น คนที่มีอาการ PMS เป็นประจำจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไมเกรน โรคลำไส้แปรปรวนและแม้แต่ติดเหล้ามากกว่าคนทั่วไป และเพราะอาการ PMS เป็นกลุ่มอาการที่หลายหลายซึ่งไม่จัดเป็นโรค การหาวิธีรักษาวิธีใดวิธีหนึ่งจึงทำได้ยาก ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเลยได้ข้อสรุปเป็นวิธีรักษาอย่างเจาะจง 8 วิธี ซึ่งคงช่วยให้คุณผ่านพ้นการมีประจำเดือนไปได้ด้วยดี
ที่

แก้ปัญหาอย่างไรดี?
จดบันทึก
แค่ จดบันทึกอาการต่างๆไว้ในสมุดก็อาจช่วยให้ณรู้สึกดีขึ้นได้มาก คุณจะได้พิสูจน์ชัดเจนว่าสิ่งที่คุณกำลังเผชิญนั้นเป็นจริง ซึ่งทำให้คุณควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น แพทย์รายหนึ่งบอกว่า "คนไข้คนหนึ่งของผมหงุดหงิดมากที่เธอกลายเป็นคนขี้ลืมไปได้ ครั้งหนึ่งเธอลืมสมุดบันทึกที่กำลังเขียนอยู่ไว้ในตู้เย็นและหาไม่เจออยู่ หลายชั่วโมง แต่หลังจากจดบันทึกอาการตางๆ เธอก็ดีใจมากที่ได้รู้ว่าอาการขี้ลืมเป็นผลจากการมีประจำเดือน ไม่ใช่โรคอัลไซเมอร์"

ควรจดบันทึกอย่างน้อย 2 เดือนและสังเกตอาการที่คุณทรมานกับมันมากที่สุด ระบุวันที่ที่เกิดอาการแต่ละอย่างไว้ รวมทั้งความรุนแรงโดยใช้เลข 1-10 บอกระดับ (อย่าลืมบันทึกวันเริ่มต้นและวันหมดประจำเดือนไว้ด้วย) ผ่านไปสองเดือน รูปแบบของอาการน่าจะเห็นชัดพอควร ถ้าคุณเริ่มมีอาการเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องหลังช่วงตกไข่และหายไปภายในวัน หรือสองวันหลังมีประจำเดือน คุณก็แน่ใจได้ว่านี่คืออาการ PMS ถ้าปัญหาเดิมยังเกิดขึ้นเรื่อยๆตลอดเดือน อาจเป็นปัญหาอื่น นำสมุดบันทึกให้แพทย์ดูด้วย แพทย์จะได้สามารถพุ่งความสนใจทำการวินิจฉัยที่ถูกต้องและหาวิธีรักษาได้

ออกกำลังกาย
แพทย์ บอกว่าการออกกำลังกายช่วยบรรเทาอาการ PMS ได้ โดยเฉพาะกับรายที่มีอาการเครียดหรือซึมเศร้าอย่างอ่อนๆในระยะสั้น การออกกำลังกายทำให้ร่างกายผลิตสารเอ็นโดฟิน ซึ่งทำให้คุณมีความสุขชั่วคราว ในระยะยาวการออกกำลังกายช่วยทำให้ระดับฮอร์โมนความเครียด คอร์ติซอลอยู่ในสภาพปกติ ซึ่งส่งผลดียั่งยืนต่ออารมณ์ นอกจากนี้งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าผู้หญิงที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะมีอาการ PMS น้อยกว่าและรุนแรงน้อยกว่าคนทั่วไป

แม้ว่าการออกกำลังกายอาจเป็น สิ่งสุดท้ายที่คุณอยากทำเวลามีอาการตะคริว แต่การออกกำลังกายเรียกเหงื่ออย่างน้อยอาทิตย์ละสามครั้ง และพยายามอย่าเลิกออกกำลังกายก่อนประจำเดือนจะมาซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายคุณ ต้องการความสดชื่น


กินคาร์โบไฮเดรตชนิดดี
การ กินคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น ซึ่งรวมทั้งขนมปังและช็อคโกแลตเป็นเรื่องปกติมากสำหรับคนที่มีอาการ PMS ซึ่งอาจเป็นเพราะระดับน้ำตาลในเลือดลดลงไปตามธรรมชาติในช่วงก่อนมีประจำ เดือนและกระตุ้นให้เกิดความหิวโหยรวมทั้งอาการหงุดหงิดและอ่อนเพลีย ดังนั้นการกินอย่างฉลาดอาจช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น

ก่อนจะเอื้อมหยิบ คุกกี้ออกจากโถ ลองลดความหิวด้วยผลไม้หรือของว่างมีประโยชน์เช่น ข้าวโพด แคร็กเกอร์โฮลวีตหรือถั่วต่างๆ เพราะคาร์โบไฮเดรตชนิดเหล่านี้ใช้เวลาย่อยนานกว่า จึงช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ (เลี่ยงการกินเกลือ เพราะจะยิ่งทำให้อาการท้องบวมรุนแรงขึ้น) เป้าหมายคือเพื่อเลี่ยงการกินน้ำตาลเช่นที่พบใน...(เติมอาหารขยะของโปรดของ คุณลงไป) แน่นอนว่า อาหารพวกนี้จะทำให้คุณสดชื่นทันใจ แต่คุณจะอ่อนเพลียเร็วและหนักกว่าเดิม ลงเอยด้วยการขี้โมโหมากขึ้น เพลียมากขึ้น และวกว่าเดิม แต่คุณสามารถกินช็อกโกแลตได้นิดหน่อย ของหวานแสนอร่อยชนิดนี้มีแร่ธาตุทองแดง แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี และสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งมีความสามารถที่ทำให้คุณยิ้นได้ทุกครั้งที่กิน

กินแคลเซียมเสริม
ผู้หญิง บางคนที่มีอาการ PMS จะพร่องแคลเซียมและวิตามินดี ซึ่งอธิบายได้ว่าขณะที่ฮอร์โมนของคุณขึ้นและลงตามปกติ ระดับของแร่ธาตุก็แปรผันไปด้วย เมื่อแคลเซียมน้อยลง กล้ามเนื้อและเส้นประสาทอาจทำงานไม่ได้ตามปกติ ซึ่งอาจทำให้คุณเจ็บปวดเนื้อตัวและหงุดหงิด แต่การกินแคลเซียมเสริมทุกวันสามารถบรรเทาความแปรปรวนได้ เลือกแคลเซียมเสริมที่มีปริมาณแคลเซียม 1,000-1,200 มิลลิกรัมต่อวันตามที่แนะนำ และวิตามินดีเสริม 200-400 ยูนิต ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียม

บำบัดด้วยแสงไฟ
ดู เหมือนเป็นวิธีที่ง่ายเหลือเชื่อ แต่งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าแสงไฟสามารถทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวสดใสขึ้น งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าการบำบัดด้วยแสงไฟสว่างจ้านานครึ่งชั่วโมง (จากกล่องไฟ) บรรเทาอาการซึมเศร้าได้ 75% และลดอาการตึงเครียดไปกว่าครึ่ง อีกงานวิจัยหนึ่งพบว่าการใส่หน้ากากพิเศษที่กะพริบไฟสีแดงนาน 10-30 นาทีทุกวันไม่เพียงลดความซึมเศร้าและความเครียดได้มาก แต่ยังบรรเทาความอ่อนเพลีย อาการท้องบวม เจ็บเต้านม และหงุดหงิดได้ภายใน 4 เดือน

มีอีกหลายทฤษฎีที่บอกเหตุผลว่าทำไมแสงไฟถึงใช้รักษาอาการซึม เศร้าที่สัมพันธ์กับการมีประจำเดือน แนวคิดหนึ่งบอกว่าแสงไฟจ้าช่วยบควบคุมสารนำระบบประสาท เช่น serotenin, noradrenaline และ dopamine ซึ่งทุกตัวที่ว่ามานี้มักจะแปรปรวนเมื่อผู้หญิงมีอาการ PMS
กินยาคุมกำเนิด
แล้ว อาการ PMS ที่ว่ามานี้ไม่ใช่อาการเดียวกับผลข้างเคียงของการกินยาคุมกำเนิดหรอกเหรอ? ใช่แล้ว เป็นอาการเดียวกัน แต่เราไม่ได้กำลังบอกว่าให้คุณกินยาคุมกำเนิดชนิดใดก็ได้ คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อจะกินยาคุมกำเนิด เช่น Yasmin นี้จะมี โปรเจสตินชนิดใหม่ที่ทำหน้าที่เหมือนสารขับปัสสาวะอ่อนๆ บรรเทาอาการหน้าอกบวม และเจ็บเต้านม และยังลดระดับฮอร์โมนเทสทอสเทอโรนที่สัมพันธ์กับอารมณ์หงุดหงิดง่ายด้วย


เมื่อไม่ใช่แค่อาการ PMS
PMS อาจเป็นความทุกข์ทรมานมาก แต่ส่วนมากแล้วเราจะสามารถรักษาอาการเหล่านั้นและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติดไ แต่มีผู้หญิงมากถึง 1 ใน 12 คนที่ทรมานมากจนไม่สามารถทำงาน เข้าสังคมหรือมีปัญหาความสัมพันธ์ส่วนตัวในช่วงหนึ่งหรือสองสัปดาห์ก่อนมี ประจำเดือน สำหรับผู้หญิงกลุ่มนี้ ที่ป่วยโรคที่เรียกกันว่า Premenstrual Dysphoric Disorder วิธีเดียวที่จะบรรเทาอาการได้คือการกินยา ต้านอาการซึมเศร้าซึ่งยับยั้งการลดลงของสารเซโรโตนินโดยเฉพาะ แพทย์ไม่แน่ใจว่าอะไรคือสาเหตุของโรค PMDD แต่ทฤษฎีที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือสมองของผู้หญิงบางคนจะไวเป็นพิเศษต่อ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง ด็อคเตอร์เดลล์ ผู้เขียนร่วมในหนังสือ The PMDD Phenomenon (Contemporary Books) บอกว่าเมื่อฮอร์โมนตัวนี้ลดลง การทำงานของสารเคมีเซโรโทนินในสมองก็ดูจะลดลงด้วย การกินยาต้านอาการซึมเศร้า จะทำให้สารเซโรโทนินในสมองเพิ่มขึ้น และบรรเทาอาการต่างๆได้มากที่สุด (อย่าลืมสอบถามข้อดีและข้อเสียของการกินยาต้านอาการซึมเศร้าด้วย)

ข้อ สังเกตว่าเป็นโรคนี้คือคุณต้องมีอาการทางร่างกายบางอย่างร่วมกับอาการซึม เศร้ารุนแรง หงุดหงิดมาก เครียดมาก หรืออารมณ์แปรปรวนมาก รวมทั้งมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อยสี่อาการติดต่อกันหลายวันก่อนจะมีประจำ เดือนคือ ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยทำปกติ ขาดสมาธิ อ่อนเพลียมากเป็นพิเศษ ความอยากอาหารบางประเภท นอนหลับมากหรือน้อยเกินไป และรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง แต่ผู้หญิงหลายคนที่มีอาการไม่กี่อย่างก็ยัง้องเข้ารับการรักษา
สิ่งสำคัญที่สุดคือรู้สึกได้ถึงความรุนแรงจริงๆที่จะทำได้คือจดบันทึกอาการนั่น เอง ถ้าอาการของคุณตรงตามที่ว่ามาให้ปรึกษา แพทย์คุณอาจรู้สึกดีขึ้นเร็วที่คิด

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.pooyingnaka.com

ด้วยความปรารถนาดีจาก
Bio Deen Spray เพิ่ม Growth Hormone

Transformation

For body transformation, about 2 years are realistic since there is no short cut - keep practicing and maintain consistancy

Growth Hormone

Growth Hormone (Somatotropin)

Complimentary information by B-Swan Sompany, Biodeen Spray Importer - to increase your growth hormone naturally
- calling for more information

083-018 3490 (Local Thailand) Pimsiri
66 83 018 3490 (Overseas) Pimsiri


Growth hormone is a protein hormone of about 190 amino acids that is synthesized and secreted by cells called somatotrophs in the anterior pituitary. It is a major participant in control of several complex physiologic processes, including growth and metabolism. Growth hormone is also of considerable interest as a drug used in both humans and animals.

Physiologic Effects of Growth Hormone

A critical concept in understanding growth hormone activity is that it has two distinct types of effects:

  • Direct effects are the result of growth hormone binding its receptor on target cells. Fat cells (adipocytes), for example, have growth hormone receptors, and growth hormone stimulates them to break down triglyceride and supresses their ability to take up and accumulate circulating lipids.
  • Indirect effects are mediated primarily by a insulin-like growth factor-I (IGF-I), a hormone that is secreted from the liver and other tissues in response to growth hormone. A majority of the growth promoting effects of growth hormone is actually due to IGF-I acting on its target cells.

Keeping this distinction in mind, we can discuss two major roles of growth hormone and its minion IGF-I in physiology.

Effects on Growth

Growth is a very complex process, and requires the coordinated action of several hormones. The major role of growth hormone in stimulating body growth is to stimulate the liver and other tissues to secrete IGF-I. IGF-I stimulates proliferation of chondrocytes (cartilage cells), resulting in bone growth. Growth hormone does seem to have a direct effect on bone growth in stimulating differentiation of chondrocytes.

IGF-I also appears to be the key player in muscle growth. It stimulates both the differentiation and proliferation of myoblasts. It also stimulates amino acid uptake and protein synthesis in muscle and other tissues.

Metabolic Effects

Growth hormone has important effects on protein, lipid and carbohydrate metabolism. In some cases, a direct effect of growth hormone has been clearly demonstrated, in others, IGF-I is thought to be the critical mediator, and some cases it appears that both direct and indirect effects are at play.

  • Protein metabolism: In general, growth hormone stimulates protein anabolism in many tissues. This effect reflects increased amino acid uptake, increased protein synthesis and decreased oxidation of proteins.
  • Fat metabolism: Growth hormone enhances the utilization of fat by stimulating triglyceride breakdown and oxidation in adipocytes.
  • Carbohydrate metabolism: Growth hormone is one of a battery of hormones that serves to maintain blood glucose within a normal range. Growth hormone is often said to have anti-insulin activity, because it supresses the abilities of insulin to stimulate uptake of glucose in peripheral tissues and enhance glucose synthesis in the liver. Somewhat paradoxically, administration of growth hormone stimulates insulin secretion, leading to hyperinsulinemia.

Control of Growth Hormone Secretion

Production of growth hormone is modulated by many factors, including stress, exercise, nutrition, sleep and growth hormone itself. However, its primary controllers are two hypothalamic hormones and one hormone from the stomach:

  • Growth hormone-releasing hormone (GHRH) is a hypothalamic peptide that stimulates both the synthesis and secretion of growth hormone.
  • Somatostatin (SS) is a peptide produced by several tissues in the body, including the hypothalamus. Somatostatin inhibits growth hormone release in response to GHRH and to other stimulatory factors such as low blood glucose concentration.
  • Ghrelin is a peptide hormone secreted from the stomach. Ghrelin binds to receptors on somatotrophs and potently stimulates secretion of growth hormone.

Growth hormone secretion is also part of a negative feedback loop involving IGF-I. High blood levels of IGF-I lead to decreased secretion of growth hormone not only by directly suppressing the somatotroph, but by stimulating release of somatostatin from the hypothalamus.

Growth hormone also feeds back to inhibit GHRH secretion and probably has a direct (autocrine) inhibitory effect on secretion from the somatotroph.

Integration of all the factors that affect growth hormone synthesis and secretion lead to a pulsatile pattern of release. Basal concentrations of growth hormone in blood are very low. In children and young adults, the most intense period of growth hormone release is shortly after the onset of deep sleep.

Disease States

States of both growth hormone deficiency and excess provide very visible testaments to the role of this hormone in normal physiology. Such disorders can reflect lesions in either the hypothalamus, the pituitary or in target cells. A deficiency state can result not only from a deficiency in production of the hormone, but in the target cell's response to the hormone.

Clinically, deficiency in growth hormone or defects in its binding to receptor are seen as growth retardation or dwarfism. The manifestation of growth hormone deficiency depends upon the age of onset of the disorder and can result from either heritable or acquired disease.





The effect of excessive secretion of growth hormone is also very dependent on the age of onset and is seen as two distinctive disorders:

  • Giantism is the result of excessive growth hormone secretion that begins in young children or adolescents. It is a very rare disorder, usually resulting from a tumor of somatotropes. One of the most famous giants was a man named Robert Wadlow. He weighed 8.5 pounds at birth, but by 5 years of age was 105 pounds and 5 feet 4 inches tall. Robert reached an adult weight of 490 pounds and 8 feet 11 inches in height. He died at age 22.
  • Acromegaly results from excessive secretion of growth hormone in adults, usually the result of benign pituitary tumors. The onset of this disorder is typically insideous, occurring over several years. Clinical signs of acromegaly include overgrowth of extremities, soft-tissue swelling, abnormalities in jaw structure and cardiac disease. The excessive growth hormone and IGF-I also lead to a number of metabolic derangements, including hyperglycemia.

Pharmaceutical and Biotechnological Uses of Growth Hormone

In years past, growth hormone purified from human cadaver pituitaries was used to treat children with severe growth retardation. More recently, the virtually unlimited supply of growth hormone produced using recombinant DNA technology has lead to several other applications to human and animal populations.

Human growth hormone is commonly used to treat children of pathologically short stature. There is concern that this practice will be extended to treatment of essentially normal children - so called "enhancement therapy" or growth hormone on demand. Similarly, growth hormone has been used by some to enhance atheletic performance. Although growth hormone therapy is generally safe, it is not as safe as no therapy and does entail unpredictable health risks. Parents that request growth hormone therapy for children of essentially-normal stature are clearly misguided.

The role of growth hormone in normal aging remains poorly understood, but some of the cosmetic symptoms of aging appear to be amenable to growth hormone therapy. This is an active area of research, and additional information and recommendations about risks and benefits will undoubtedly surface in the near future.

Growth hormone is currently approved and marketed for enhancing milk production in dairy cattle. There is no doubt that administration of bovine somatotropin to lactating cows results in increased milk yield, and, depending on the way the cows are managed, can be an economically-viable therapy. However, this treatment engenders abundant controversy, even among dairy farmers. One thing that appears clear is that drinking milk from cattle treated with bovine growth hormone does not pose a risk to human health.

Another application of growth hormone in animal agriculture is treatment of growing pigs with porcine growth hormone. Such treatment has been demonstrated to significantly stimulate muscle growth and reduce deposition of fat.

Last updated on December 24, 2006
Author: R. Bowen
Send comments via form or email to rbowen@colostate.edu

Complimentary information by B-Swan Sompany, Biodeen Spray Importer - to increase your growth hormone naturally - calling for more information

083-018 3490 (Local Thailand) Pimsiri
66 83 018 3490 (Overseas) Pimsiri

รวบหนุ่มลอบฉีดผิวขาวคาห้างดังยึดของกลางอื้อ

คมชัดลึก : อย.จับมือตำรวจบุกจับหนุ่มตกงาน ใช้เก๋งเป็นคลินิกเคลื่อนที่ ลอบฉีดสารผิวขาวให้ลูกค้า คาลานจอดรถห้างดังย่านเกษตรฯ ยึดของกลางเต็มคันรถ เตรียมขยายผลค้นบ้าน แฉรีดค่าบริการเข็มละเกือบ 2,000 เลขาฯ อย.เตือนฉีดยาผิวขาวสุดอันตราย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.จตุรงค์ ภุมรินทร์ ผบก.ปคบ. สั่งการให้ พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผกก.4 บก.ปคบ. นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ อย. เข้าจับกุมนายวรุตม์ มะกรูดทอง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/137 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ที่บริเวณลานจอดรถชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขตจตุจักร ขณะะผสมกลูต้าไธโอน ซึ่งอ้างสรรพคุณทำให้ผิวขาวใส่หลอดฉีดยา อยู่บริเวณท้ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สีบรอนซ์ ทะเบียน ฐท 2792 กรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมจะฉีดให้ลูกค้ารายหนึ่ง
ตรวจค้นบริเวณเบาะหลัง ละกระโปรงท้ายรถ พบเข็มฉีดยา หลอดฉีดยา น้ำเกลือ ยากลูต้าไธโอนในหลอดแก้วหลายสิบหลอด วิตามินซีแบบน้ำ วิตามินบีรวมแบบน้ำ รกแบบฉีด อาหารเสริมชนิดเม็ดบรรจุกล่องพลาสติก ประเภทแอลคาเนทีน กลูต้าไธโอน และคอลลาซีพลัส รวม 50 กล่อง จึงยึดไว้เป็นของกลาง
การจับกุมดังกล่าวเนื่องจากชุดสืบสวน กก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับ อย.สืบทราบว่าจะมีการลักลอบฉีดกลูต้าไธโอน ซึ่งอวดอ้างสรรพคุณทำให้ผิวขาวให้ลูกค้าที่บริเวณดังกล่าว จึงนำกำลังไปดักซุ่มกระทั่งพบผู้ต้องสงสัยขับรถมาจอดที่จุดนัดหมาย โดยลงจากรถมาพบลูกค้าและกำลังผสมกลูต้าไธโอนเพื่อเตรียมฉีดให้ลูกค้า จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีมาได้ปีกว่า ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง แต่เตรียมจะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ระหว่างนั้นมีเพื่อนแนะนำให้มาทำงานนี้ จึงตัดสินใจทำหารายได้เสริม โดยตระเวนฉีดให้ลูกค้าที่รู้จักกันในราคาเข็มละ 1,200-1,800 บาท ส่วนพวกยาเม็ดนั้นเป็นอาหารเสริมช่วยลดน้ำหนักเท่านั้น เพิ่งทำมาได้เพียงไม่กี่เดือนและมีลูกค้าเพียงแค่ 6 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยวิธีการจะผสมตัวยาที่ท้ายรถเมื่อเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้ว จึงจะพาลูกค้าไปนั่งที่เบาะหลังรถเพื่อฉีดให้
หลังจับกุมได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ดำเนินคดีข้อหาขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต และประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ยา ในกรณีไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายและขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบโรคศิลปะ ในการลักลอบฉีดยา ซึ่งจะมีโทษทั้งจำทั้งปรับ จากนี้จะขยายผลสอบสวนค้นบ้านผู้ต้องหาต่อไป

"สิ่งที่น่ากลัวคือมีวัยรุ่นจำนวนมากหลงเชื่อ เนื่องจากมีความเชื่อผิดๆ เรื่องผิวขาว ซึ่ง อย.ยังไม่อนุญาตให้รักษาด้วยวิธีดังกล่าว เนื่องจากไม่ใช่ยาที่มีฤทธิ์ในการรักษา แต่เป็นการนำผลข้างเคียงของยามาใช้ ซึ่งสามารถเกิดโอกาสในการแพ้ได้สูง อีกทั้งยังไม่มีการตรวจสอบคุณภาพที่นำมาใช้ว่ามีการปลอมปนหรือมีสารที่เป็นอันตรายหรือไม่" นพ.พิพัฒน์ ระบุ

นพ.พิพัฒน์ เตือนด้วยว่า ขณะนี้พบว่ามีผู้ที่พยายามลักลอบนำยาดังกล่าวเข้ามา และมีการแอบฉีดในสถานเสริมความงาม คลินิกรักษาโรคผิวหนังหลายแห่ง เพราะมีความนิยมมากในกลุ่มวัยรุ่นที่อยากมีผิวขาว ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นยาจริงหรือไม่ อีกทั้งวิธีในการฉีดยังไม่มีการศึกษามาก่อนว่าควรได้รับในปริมาณเท่าใด ระยะเวลาในการฉีดควรห่างหรือบ่อยขนาดไหน ดังนั้นการฉีดในขณะนี้จึงเป็นเพียงการคาดเดาทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายอย่างมากต่อผู้ที่รับบริการ โดย อย.จะสุ่มตรวจและจับกุมไปเรื่อยๆ และกรณีที่พบในสถานพยาบาลที่เคยกระทำความผิดและเคยถูกดำเนินคดีไปแล้วจะต้องได้รับโทษสถานหนัก


ด้วยความปราถนาดีจาก Bio Deen Spray เพิ่ม Growth Hormone

Wednesday, February 03, 2010

ยาแก้ไอ แก้หวัดที่อันตราย

หามเด็กประถม ส่งโรงหมอ อย.รุดสอบด่วน

รู้เท่าไม่ถึงการหามนักเรียน ป1-ป.6 ร.ร.วัดท่าพระกว่า 50 คนส่งโรงพยาบาล หลังกินยาเม็ดแก้ไอจากร้านเกมข้างโรงเรียนเกินขนาด ขณะที่ อย.เร่งสอบต้นตอ ชี้อันตรายถึงตาย... วันที่ 3 ก.พ. คณะครู เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต่างๆ เร่งนำนักเรียนระดับชั้น ป.1-ป.6 ทั้งชายและหญิงของโรงเรียนวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ซึ่งเปิดสอนระดับประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) มากกว่า 50 คน ส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง หลังจากเด็กนักเรียนรับประทานเม็ดของแข็งสีเหลืองคล้ายยาเข้าไปแล้วเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนและวิงเวียนศีรษะ เบื้องต้นนักเรียนบางส่วนที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลให้ข้อมูลว่า ก่อนมีอาการผิดปกติกินเม็ดของแข็งสีเหลืองคล้ายยา รสหวาน ซึ่งรุ่นพี่แจกจ่ายเข้าไป ขณะที่บางส่วนเปิดเผยว่า ซื้อยาลักษณะเดียวกันมาจากร้านเกมใกล้โรงเรียนในราคาเม็ดละ 1 บาทหลังรุ่นพี่นำตัวอย่างให้ทดลองกินแล้วทำให้ไม่ง่วง ส่วนอีกหลายคนระบุว่า ของแข็งเม็ดคล้ายยาดังกล่าว มีรสหวานและละลายได้รวดเร็วทั้งนี้ นักเรียนทั้งหมดถูกนำตัวส่งรักษาในโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลพญาไท 3 และโรงพยาบาลบางไผ่ โดยแพทย์ได้เจาะเลือดนักเรียนทั้งหมดและให้การรักษาตามอาการ มีบางส่วนแพทย์ต้องรับตัวไว้ที่โรงพยาบาลเนื่องจากช็อก และหมดสติ เบื้องต้นตรวจสอบพบว่า สิ่งที่นักเรียนรับประทานเข้าไปมีส่วน ผสมของยาแก้ไออยู่ด้วยส่วนที่โรงเรียนวัดท่าพระไม่พบนักเรียนมีอาการผิดปกติเพิ่มเติม โดยมีผู้ปกครองบางส่วนทยอยมารับบุตรหลานกลับบ้าน แม้เป็นวันที่ทางโรงเรียนมีการจัดสอบ ขณะที่ตำรวจ สน.ท่าพระ เข้าตรวจสอบที่ร้านเกมและเชิญเจ้าของร้านไปให้ข้อมูล ด้าน พญ.กิตติยา ศรีเลิศฟ้า ผอ.โรงพยาบาลตากสิน กล่าวว่า นักเรียนส่วนใหญ่ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลตากสิน เบื้องต้นมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและหัวใจเต้นเร็ว เบื้องต้นได้แยกนักเรียนที่มีอาการน้อย ปานกลางและมาก สำหรับนักเรียนที่อาการน้อยให้เฝ้าดูอาการ ส่วนกลุ่มอาการรุนแรงส่งตัวล้างท้องและให้น้ำเกลือ ซึ่งมีประมาณ 10 คน แต่ทั้งหมดอาการดีขึ้นแล้วผอ.โรงพยาบาลตากสิน กล่าวต่อว่า ตรวจสอบเบื้องต้นสิ่งที่นักเรียนรับประทานเข้าไปเป็นยาแก้ไอชื่อ Destromethophan ใช้รักษาไข้หวัด ส่วนสาเหตุที่นักเรียนรับประทานเข้าไปแล้วมีอาการผิดปกติ เพราะรับประทานในปริมาณมาก ซึ่งในรายที่มีอาการรุนแรงรับประทานถึงวันละประมาณ 10-20 เม็ด จากปกติผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด 3 เวลาหลังอาหารขณะที่ ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า ยาดังกล่าวถือเป็นยาอันตราย ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น เป็นยาที่ออกฤทธิ์กดระบบประสาททำให้หยุดไอ แต่จะมีอาการข้างเคียงคือ เบลอ งง และง่วง หากรับประทานเกินขนาดจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต เพราะจะกดระบบประสาทที่สั่งการ การหายใจให้หยุดทำงานได้รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ถือเป็นความเชื่อที่ผิดโดยสิ้นเชิงที่เชื่อว่า กินยาดังกล่าวแล้วจะรู้สึกเรียนดี เล่นเกมส์ได้นาน หรือครูตีแล้วไม่เจ็บ เพราะยาดังกล่าวมีฤทธิ์เพียงแก้ไอเท่านั้น โดยไม่ได้อยู่ในกลุ่มสารเสพติด ที่กินแล้วจะสนุกสนานหรือเคลิบเคลิ้มได้ ตรงกันข้ามหากกินเกินขนาดก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งนี้จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเพื่อหาว่ามีการนำยามาจากแหล่งใด หากพบว่านำมาจากร้านขายยาก็ถือว่ามีความผิดเช่นกันเพราะขายให้กับเด็ก แต่หากไม่ได้ขายโดยเภสัชกรก็จะถือว่ามีความผิดในทางอาญา.
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวการศึกษา
3 กุมภาพันธ์ 2553, 15:00 น.


ด้วยความปรานาดีจาก Bio Deen Spray เพิ่ม Growth Hormone

Make your fitness goals a reality



Women, are you interested in losing that stubborn body fat for a strong sexy body or are you just looking for extra motivation to keep up with your training? Regardless, you can find topics here to help! It doesn't matter where you live or what you do, the information we've provided is designed especially for you.

You'll find everything you need (including: training, nutrition, supplementation, motivation and support) in this easy-to-follow guide. It's time to get the body you've always wanted. Get educated, get going and get fit!

The primary concern women have when it comes to weight training is, "I don't want to get big or bulky." We are here to tell you that you won't! The hormone testosterone is responsible for the large increases in muscle mass seen when men lift weights. Women's testosterone levels are a fraction of men's testosterone levels.

Normal testosterone levels in men are 200-1200 ng/dl while 15-70 ng/dl are normal in women. As you can see, men's testosterone levels are significantly higher than women's. Even if a man is at the low end of the men's normal testosterone range (200 ng/dl), he still has more than twice the amount of testosterone as a woman at the high end of the women's normal testosterone range (70 ng/dl).

If we look at the median or mid-range testosterone levels in men and women, men = 700 and women = 42.5. So on an average, men have 16.47 times more testosterone than women!

It is clear that women do not have the hormonal support (testosterone) to gain muscle mass like men. Therefore, the fear of becoming big and bulky and looking like Arnold Schwarzenegger with a ponytail is unwarranted.

Now you may be saying, "I have seen some women bodybuilders who are very muscular and look similar to men in their build." The real reason they look like that is they are most-likely using exogenous testosterone injections and/or other anabolic steroids.

When women use exogenous testosterone/steroids they may show signs of hair growth on the face and chest, increased muscle mass, a redistribution of body fat from a female pattern of storage to a male pattern of storage, deepening of the voice, and other effects.

The point of saying this is that unless you are on exogenous testosterone or other anabolic steroids, you will not become big and bulky from lifting weights. This is not to say that you will not gain any muscle, you will, but you will not gain muscle like a man. Instead, you will become toned and shapely.

Studies have shown that men and women do not need to train differently. If you are a woman and want to gain muscle and improve your shape and curves, then you are going to have to lift heavy weights.

This means that instead doing endless reps with light weights, as the media often prescribes women to do, you need to lift some heavy weights and really challenge yourself! While performing high rep sets (15-20 reps) does have some benefit, it is not optimal to adding muscle mass. Here is a very vague overview of rep ranges:

* 1-5 reps for strength
* 6-12 reps for hypertrophy
* 12+ reps for endurance

That is very superficial overview of rep ranges as there is a lot of crossover of adaptations between rep ranges. For example, many people grow lifting solely in the 1-5 rep range and 12+ rep range. But it gives you an idea of the weight you need to lift to grow; a weight that you can complete for at least 6 reps but not more than 12 reps.

Men and women do not need to train differently to see results, but what about diet? Should women eat differently than men? Not really. Men's and women's metabolisms are very similar except that women burn a greater ratio of fat to carbs than men. This may be one of the reasons women do well on lower carb diets.

The main thing that needs to be adjusted is one's total caloric intake. Women need fewer calories than men because men have more muscle mass and less fat (relative to total bodyweight) than women. The amount of protein, carbs, and fat will be dictated by the amount of calories one eats.

We have shown that women do not need to train or diet much differently than men. Then why do we always see women in gym performing hours of cardio and lifting the lightest dumbbells in the gym for endless reps? This is most-likely due to not being informed, or even misinformed (by the media), about how women should train.